Fujifilm X-T2 และ Fujifilm X-Pro 2 ถือว่าเป็นกล้องเรือธงที่ทางบริษัท Fujifilm ได้ส่งมาในตลาดปีนี้ ชึ่งทั้ง 2 ตัวนั้นเป็นกล้องที่มีประสิทธิภาพ ไฟล์ดี แต่ก็ยังมีแตกต่างพอสมควร มาดูกันครับว่ามีอะไรบ้าง
- ดีไชน์
เรื่องที่เห็นได้ชัดสุดก็คงเป็นเรื่องดีไชน์ที่ X-Pro 2 มีดีไชน์แบบ Rangfinder แต่กลับกัน X-T2 ก็เป็นดีไชน์แบบกล้อง SLR นอกจากนี้ตัว X-T2 ยังได้ออกแบบมาให้ดูดี/รับ นำ้หนักได้ดีกว่าเมื่อใช้กับเลนส์ทีมีช่วงความยาวโฟกัสยาว ทั้งตอนที่ยังไม่ใส่กริป และ เมื่อใส่กริปแบบพิเศษที่ออกมา (ที่จะพูดทีหลัง) ส่วนเรื่องใครจะจับถือดีกว่า ก็ต้องแล้วแต่คนว่าถนัดในลักษณะไหนครับ
2. กริปเพิ่มประสิทธิภาพ เร็วกว่าเดิม แถมอยู่ได้นานกว่าเดิม 3 เท่า
หนึ่งในอุปกรณ์เสริมที่แนะนำนั้นก็คือตัวกริปชึ่งสามารถใช้ได้กับแค่ตัวกล้อง X-T2 เท่านั้นไม่สามารถใช้กับกล้อง X-Pro 2 ได้ ชึ่งกริป ตัวนี้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น ในตัวกริปนั้นสามารถใส่แบตได้ทั้งหมด 2 ก้อน (ไม่ต้องถอดในตัวกล้องออกรวมเป็น 3 ก้อน) ทำให้เราสามารถถ่ายภาพได้ถึง 1,000 ภาพได้ในโหมดปกติ แบบไม่ต้องนำก้อนใหม่มาเปลี่ยน
จุดสำคัญของตัวนี้นั้นก็คือ สามารถเพิ่มพลังให้กับตัวกล้องได้มากขึ้น สามารถทำให้ถ่ายต่อเนื่องได้ถึง 14 ภาพต่อวินาที สำหรับ Electronic Shutter และ 11 ภาพต่อวิ สำหรับ Mechanical shutter นอกจากนั้นยังทำ Shooting Interval,Shutter Release Time Lag ได้ ถ่ายวิดิโอได้นานขึ้น
ตัวกริปนั้นมี Joy Stick, ปุ่ม AE-L, ปุ่ม AF-L Dials, ปุ่ม Fn และ ปุ่ม Q นอกจากนี้ ตัวกริปยังมีช่องเสียบหูฟัง สำหรับ Moniter วิดิโออีกด้วย ชึ่งถือว่าสำคัญ สำหรับการถ่ายวิดิโออย่างมาก และ ตัวกริปสามารถใช้ AC Adapter เสียบได้เลยใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงจากแบตหมดจนถึงชาร์จเต็มครับ
3. X-T2 ถ่ายวิดิโอ 4K ตัวแรกของตระกูล X-Series
ครั้งแรกของกล้อง X-Series ที่รองรับการถ่ายวิดิโอความละเอียดสูงถึงระดับ 4K ที่ 100 Mbps แถมยังรองรับ Film Simulations เวลาถ่ายวิดิโอ ทำให้สามารถเก็บ Footage วิดิโอสวยๆ ได้ไม่ยาก แถมไม่ต้องเสียเวลาไป Grading ภายหลัง แต่หากใครยังอยาก Grading ก็มี F-Log มาให้ใช้งาน แต่ในส่วนของ X-Pro 2 ก็สามารถถ่ายวิดิโอได้ดีเช่นกันครับ แต่ยังจำกัดความละเอียดที่ Full HD แบบ 60 Fps เพราะในตัวกล้องของ X-T2 มีระบบระบายความร้อนที่ดีกว่ามาก และ ไม่มี F-Log ให้ใช้งาน
ในส่วนของรายละเอียดย่อย ตัวกล้อง X-T2 ก็เป็นกล้อง X-Series ตัวแรกที่สามารถเสียบช่องหูฟังได้ครับ
4. จอหลังพับได้แนวใหม่ VS จอพับไม่ได้
หน้าจอของ X-T2 นั้นเป็นแบบพับได้ ขึ้นลง และ แนวตั้งทำให้สามารถใช้งานสะดวกกว่าเดิมมาก ยิ่งในงานวิดิโอ ยิ่งเห็นได้ชัดเจนครับเพราะสะดวกกว่าเดิมมาก แต่ในส่วนของ X-Pro2 เป็นแบบ Fix (ไม่สามารถปรับได้) ในตัวกล้อง X-Pro 2 ก็มีความละเอียดหน้าจอที่มากกว่าอยู่ที่ 1.62 ล้านพิกเศล แต่ X-T2 มีความละเอียดอยู่ที่ 1.04 ล้านพิกเซล
ลักษณะการมองเห็นของ OVF ในช่องด้านในเป็นตามระยะเลนส์ที่เราใส่
5. จอ EVF เทพ หรือ OVF ก็ต้องเลือกเอา
จุดเด่นสำคัญอันแสนนานในกล้องตระกูล X-Pro ก็คือช่องมองแบบ Hybrid ที่สามารถปรับให้เป็น EVF หรือ OVF ได้ หากใครไม่รู้จัก OVF ก็ขออธิบายง่ายๆว่าเป็นภาพจริงที่ส่องออกไป (ในระยะ 28-50 mm) แต่ยังมีข้อมูลการปรับด้านข้าง ที่สำคัญ OVF กว้างกว่า EVF ทำให้เราสามารถมองเห็นวัตถุก่อน
X-T2 ก็มีจุดเด่นเช่นกันก็คือหน้าจอ EVF ที่สว่างมากๆ มีความเร็ว Back out อยู่ที่ 113 ms แถมยังมีเฟรมเรตอยู่ที่ 100 Fps (เมื่อใส่กริป) EVF ทั้ง 2 ตัวมีความละเอียดอยู่ที่ 2.36 ล้านจุด เรียกได้ว่าละเอียดมากๆเลยครับ สบายตาสุดๆ อีก 1 ข้อที่แตกต่างในเรื่องของช่องมองก็คือขนาด ชึ่ง X-T2 ใหญ่ถึง x 0.77 แต่ในขณะที่ X-Pro 2 มีขนาดอยู่ที่ x 0.60
6. X-T2 เร็วกว่า ฉลาดกว่า ฟังชั่นโฟกัสมากกว่า
ไม่เพียงแค่ X-T2 มีโฟกัสที่มากถึง 325 จุด (169 จุด phase detection) แต่ X-Pro 2 มี 273 จุด แม้จะต่างกันไม่มาก (กล้องรุ่นเก่าของ Fuji ทั้งหลายเป็น 77 จุด) แต่สิ่งที่สิ่งที่ทำให้ต่างอย่างมากก็คือ AF-C customization ชึ่งเป็นระบบปรับแต่งการโฟกัสให้เหมาะกับสถานการณ์ต่างๆ ที่มีเฉพาะในตัวกล้องของ X-T2 เท่านั้น ทางเราได้รับการคอนเฟิร์มมาว่า แม้ว่า X-Pro 2 จะมีอัพเดทใหญ่ในเดือน ตุลาคม เพื่อปรับปรุงระบบโฟกัส แต่ก็จะไม่มี AF-C customization เข้ามาครับ
7. X-T2 รัวได้มากกว่า เก็บข้อมูลได้เร็วกว่า
หากใส่กริปนั้นตัวกล้อง X-T2 สามารถรัวได้ถึง 14 ภาพต่อวิ เมื่อใช้ Electronic shutter แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่ที่สามารถรัวได้ต่อเนื่องนานเพียง 1 วิ แต่สำหรับการใช้งานทั่วไปสามารถถ่ายต่อเนื่องได้ 11 ภาพต่อวินาที ถ่ายได้ยาวจนกว่า Buffer จะเต็ม (ชึ่งก็หลายสิบภาพ) แต่หากใครไม่มีกริป ก็สามารถรัวได้ต่อเนื่อง 8 ภาพต่อวิ
ในเรื่องการเชื่อมต่อก็สามารถได้เร็วยิ่งขึ้นด้วย USB 3.0 นอกจากนี้ยังรองรับความเร็ว SD Card ได้ระดับ UHS-II (Write 500 MB/s) ทั้ง 2 ช่อง ในขณะที่ X-Pro 2 รองรับ UHS-II เพียงช่องเดียว แต่อีกช่องเป็น UHS-I U3
8. X-T2 ใช้แบตรุ่นใหม่เพื่อรองรับการจ่ายกระแสไฟที่มากกว่า
ในงานเปิดตัวกล้อง Fuji X-T2 ก็มาพร้อมกับแบตรุ่นใหม่ในชื่อ NP-W126S ชึ่งทำออกมาให้รองรับการจ่ายกระแสไฟมากขึ้น (มีขั้วแบต 4 ขั้วจากเดิม 3 ขั้ว) อย่างไรแล้วก็สามารถใส่แบตเก่ากับกล้อง X-T2 หรือแบตรุ่นใหม่ ใส่กล้อง X-series ที่เก่ากว่าได้ครับ แต่ประสิทธิภาพของ X-T2 จะลดลงเมื่อใส่แบตรุ่นเก่า
9. จุดซิลกันละอองนำ้ละอองฝุ่น
X-Pro2 มีจุดซิล 61 จุด แต่ X-T2 63 จุด อย่างไรแล้วก็ไม่ได้หมายความว่า X-T2 จะทนกว่านะครับ เพราะ X-T2 มีขนาดใหญ่กว่า และจอก็ดึงออกมาได้ครับ ทำให้ต้องมีจุดซิลมากกว่า
10. ราคาเท่ากันแต่ X-T2 มีรุ่นพร้อมเลนส์ Kits
ราคาทั้ง X-T2 กับ X-Pro 2 ในไทยมีราคาเท่ากับอยู่ที่ 59,990 บาท (แม้ว่าราคาในต่างประเทศ X-T2 ถูกกว่าก็ตาม(แต่ทั้ง X-Pro2 และ X-T2 ก็ถูกกว่าประเทศอื่นหมด)) แต่ในส่วนของ X-T2 มีเวอร์ชั่นพร้อมเลนส์ Kits ด้วยในราคา 69,990 บาท ส่วน Battery Grip นั้นราคาอยู่ที่ 11,900 บาท แล้วก็ ข่าวร้ายคือรุ่นนี้ Fuijfilm ประเทศไทย ย้ำว่าตลอดไปจะไม่มีโปรพิเศษใดๆ ฉะนั้นใครจะชื้อก็ชื้อเลยครับ ไม่ต้องรอ
แล้วเลือกตัวไหนดีละ ?
ผมขอยกออกเป็น 2 ลักษณะนะครับ
X-Pro 2 เหมาะกับผู้ที่ต้องการถ่ายภาพ Street เพราะมีช่องมองภาพ OVF, เหมาะกับการถ่ายสาว เพราะดู Friendly ทำให้คนดูไม่เกร็งมากนัก
X-T2 เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเน้นความเร็ว มีระบบช่วยในการโฟกัสเหมือนกล้อง Pro ตัวละ 200k ใช้งานด้านวิดิโอเป็นหลัก, ถ่าย Land Scape เพราะ จอพับได้
สุดท้ายก็ขอให้ไปจับมือกันก่อนว่าเหมาะกับตัวเองหรือไม่ครับ จับตัวไหนถนัดมากกว่า ขอให้สนุกกับการถ่ายภาพครับ
ที่มา – dpreview
เรียบเรียงโดย – ทีมงาน MF-Edge