ในช่วงที่กล้องได้รับความนิยมมากขึ้น หลายคนก็สงสัยว่ากล้อง ดิจิตอล มีหลายแบบมากมาย เราจะเลือกอย่างไรดี เลือกประเภทไหน แบบไหนเหมาะกับเรามาดูกันครับ
แบบไหนต่างกันอย่างไร?
Compact – คอมแพค เป็นกล้องที่เน้น ขนาดเล็ก พกง่าย ไม่ยุ่งยาก เปลี่ยนเลนส์ไม่ได้ แต่เลนส์ระยะ ครอบคุมการใช้ทั่วไป เซนเซอร์ขนาดไม่ใหญ่มาก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการกล้องราคาไม่แพง อย่างไรแล้ว ก็มีกล้อง Compact Premium ซึ่งเน้นคุณภาพ แต่กล้องการเล็ก และ หลายๆ รุ่นยังกันน้ำอยู่ด้วย
DSLR Like – DSLR Like แม้จะมีคำว่า DSLR อยู่แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันยังเป็นกล้อง Compact แต่ดีไซน์และขนาดคล้าย DSLR โดยส่วนใหญ่ที่เพิ่มเข้ามาจากกล้อง Compact ธรรมดา คือระยะซูม ที่มากกว่าส่วนเรื่องคุณภาพ ไม่ได้ต่างจาก Compact ครับ
DSLR (Digital Single Lens Reflex) – มันคือกล้อง ดิจิตอล ที่พิเศษคือ กระจกสะท้อน และ เปลี่ยนเลนส์ได้ ตามใจชอบ ข้อดีก็มีมากมาย อาทิ โฟกัสเร็ว เซนเซอร์ใหญ่ คุณภาพไฟล์ดี แบตทน จับถนัด เลนส์ให้เลือก มหาศาล เพราะออกมานานแล้ว ยี่ห้อหลักๆ ก็มี Canon และ Nikon
Mirrorless – กล้อง Mirrorless มีชื่อย่อว่า MILC ชื่อเต็มว่า Mirrorless interchangeable lens camera (ชึ่งจำแค่ Mirrorless ไปแหละ ที่เหลือยุ่งยาก) ก็แปลตามตัวครับ Mirror แปลว่า กระจก Less แปลว่าไม่มี ซึ่งเป็นกล้อง ที่ไม่มีกระจกสะท้อน แต่เปลี่ยนเลนส์ได้ ด้านคุณภาพรูปภาพ ไม่ได้ต่างจาก DSLR แถมบางตัวดีกว่า ในราคาพอๆ กัน เพราะใช้ เทคโนโลยีใหม่กว่า ใช้งานง่าย ตัวเล็ก กะทัดรัด ความสามารถมากกว่า บางตัวสามารถลงแอพได้ด้วย เรียกได้ว่า โครตเทพ มาแรงมากๆ ณ ปัจจุบัน
มียี่ห้อหลัก ก็คือ Sony สำหรับเซนเซอร์ APS-C และ Full Frame, Fuji Canon สำหรับ APS-C, Olympus Panasonic สำหรับเซนเซอร์ Micro Four thirds
“Tips เซนเซอร์ Full Frame มีระยะเลนส์เท่ากับสเปค
เซนเซอร์ APS-C มีระยะ x1.5 เท่ากับสเปค อาทิ เลนส์มีระยะ 50 mm จะเทียบเท่า 75 mm บน Full Frame
แต่! เว้น Canon x1.6 อาทิ เลนส์ระยะ 50mm จะเทียบเท่า 80 mm บน Full Frame
เซนเซอร์ micro four thirds มีระยะ x2 อาทิ เลนส์ระยะ 50 มม. จะเทียบเท่า 100 mm บน Full frame“
ข้อเสียต่างกันอย่างไร?
Compact – ข้อด้อยหลักๆ อยู่ที่คุณภาพของรูปภาพ เพราะใช้เซนเซอร์เล็ก รวมถึงหลายๆตัว ไม่สามารถใช้ Manual ได้ ทำให้มีข้อจำกัดในงานใช้งานมาก อย่างไรแล้ว ก็มีทางเลือกอย่าง Compact Premium ซึ่งได้ทำลาย ข้อจำกัดตรงนี้ไป แต่ราคาก็สูงกว่า Compact พอสมควร จนสามารถชื้อ DSLR หรือ Mirrorless ได้
DSLR Like – ข้อด้อยหลักๆ ก็คล้าย กล้อง Compact ครับ เนื่องจากเซนเซอร์ไม่ได้ขนาดใหญ่มาก แต่กลับมีช่วงการใช้งานที่ค่อนข้างไกล
DSLR – ข้อที่เป็นข้อสำคัญที่สุดคือ น้ำหนัก และ ขนาด เพราะด้วย เซนเซอร์ขนาดใหญ่ การที่ต้องใส่กระจก สะท้อนเข้าไปในตัวกล้อง, เวลาเรียนรู้และทำความเข้าใจนาน และ ไม่ค่อยเหมาะสำหรับ ผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการความง่าย ที่สำคัญเวลาโฟกัสในวิดีโอ คุณภาพ จะไม่ค่อยดีนัก เพราะไม่ได้ใช้กระจกสะท้อนในการช่วยทำงาน ใช้เพียงหน้าเซนเซอร์เท่านั้น แต่รุ่นใหม่ ได้ปรับปรุงได้ดีขึ้น จนสามารถใช้ได้ ได้ในระดับคนทั่วไปพอใจแล้ว
Mirrorless – เลนส์ยังไม่มีให้เลือก ไม่เท่า DSLR เนื่องจากยังออกมาไม่นาน รวมถึงในระดับ High End ยังมียี่ห้อไม่หลากหลายพอ มีเพียง Sony เท่านั้น ที่สำคัญคือ โฟกัสที่ค่อนข้างช้า ในรุ่นเก่าๆ เพราะเซนเซอร์ใหญ่ แต่ ไม่มีกระจกสะท้อนมาช่วยในการโฟกัส แต่ในปัจจุบันถือว่าเร็วมากๆ เกินพอต่อความต้องการ
แล้วราคาละ มีรุ่นไหนบ้าง รุ่นไหนดี?
ด้านราคาผมขอซอยถี่ขั้นนะครับ ตั้งแต่ระดับธรรมดา ถึง Premium
Compact – ราคา Compact เริ่มต้นส่วนใหญ่อยู่ราว 1,990-2,990 บาท อาทิ Canon IXUS175 , Nikon Coolpix A10, Sony Cyber Shot DSC-W810/S
Compact กันน้ำ – ราคาส่วนใหญ่อยู่ช่วง 5,000 บาท อาทิ Panasonic Lumix DMC-FT30 Fujifilm FinePix XP80 หรือ High End อย่างพวก Olympus TG-870
ซึ่ง Compact ปกตินั้นข้อแนะนำ ก็คือ ชอบตัวไหน ชื้อตัวไหนไม่ต่างกันมากครับ
Compact Premium – กล้อง Compact ระดับ Premium อยู่ได้ราคา 15,000 บาทขึ้นไป อย่างเช่น
- Canon G9X กล้อง Compact เซ็นเซอร์ 1 นิ้ว ระยะเลนส์เทียบเท่า 28-84 mm พับจอเซลฟี่ไม่ได้ นำ้หนัก 206 กรัม มี Wi-Fi ราคา 15,990 บาท
- Fuji X30 กล้อง Compact ความละเอียด 12 MP ขนาด 2/3 นิ้ว เลนส์เทียบเท่า 28-112 f/2-2.8 mm มี Wi-Fi ราคา 19,990 บาท
- Canon G7X Mark 2 จุดเด่นอยู่ที่จอพับเซลฟี่ได้ มีความละเอียดสูง มี Wi-Fi, แอพ Time Lapse ให้ใช้งาน ราคาอยู่ที่ 20,730 บาท
- Sony RX100 III/IV/V จุดเด่นหลักๆคือมีช่องมอง EVF เลนส์ Zeiss เทียบเท่า 24-70 f/1.8-2.8 ขอพับเซลฟี่ได้ ราคา 27,990 บาท Mark IV สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือ วิดีโอ slow motion 1,000 fps, ถ่ายรัวต่อเนื่องได้มากกว่า ราคา 32,990 บาท ส่วน Mark V เพิ่มจุดโฟกัสเป็น 325 จุด ถ่ายรัวต่อเนื่องได้ 24 fps ราคา 38,990 บาท
- Fuji X70 กล้อง compact เซ็นเซอร์ APS-C เลนส์ Fix 28.5 mm จอเซลฟี่ พร้อมสัมผัส ราคา 27,990 บาท
- Fuji X-100F กล้อง compact เซ็นเซอร์ APS-C เลนส์ Fix 23 mm (เทียบเท่า 35mm) มี EVF ในตัว วางขายเร็วๆนี้
- Sony RX1R II กล้อง compact เซ็นเซอร์ Full Frame ความละเอียด 42 MP เลนส์ Zeiss 35 mm f/2 ราคา 129,990 บาท
DSLR Like – ราคาเริ่มต้นไม่ถึง 10,000 บาทจนไปถึงระดับเทพราว ครึ่งแสน อาทิ Fujifilm FinePix S8600 ตัวเล็ก ซูม 37 เท่าใช้แบต AA วิดิโอ HD 720p (6,990 บาท) Panasonic Lumix DMC-FZ70 ซูม 60 เท่า วิดีโอ 1080/60p (11,990 บาท) Sony HX-90V ซูมได้ 30 เท่า! (ราคา 15,990 บาท) Panasonic FZ300 เลนส์เทียบเท่า 25-600 F/2.8 ตลอดช่วง กันละอองน้ำ ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ มี 4k Photo (20,990 บาท) Sony RX10 II เลนส์ชูม 10 เท่า เป็นเลนส์ Zeiss F/2.8 ตลอดช่วง เซนเซอร์ใหญ่ 1 นิ้ว (42,990 บาท) Nikon DL24-500 (ราคายังไม่ประกาศ)
DSLR แบบเริ่มต้น
- Canon 1300d 100d 700d 750d 760d ตัวแรก เป็น กล้อง Entry สุดๆ ใช้ระบบประมวลผล ตัวเก่า แต่โชคดียังมี Wi-Fi มาให้ใช้งาน ราคาเริ่มไม่ถึง 20,000 บาท (ยังไม่ประกาศออกมา) ตัวต่อมาเป็น Canon 100d เป็นรุ่น Entry เช่นกัน แต่ Canon เครมว่าเป็นกล้อง DSLR ที่ขนาดเล็กที่สุดในโลก ตอนเปิดตัว แต่ไม่มี Wi-Fi, 700D กล้อง Entry รุ่นยอดนิมยม เพราะ มีช่องเสียบไมโครโฟน จอพับได้ เป็นที่เหมาะสำหรับ นักถ่ายรูปมือสมัครเล่น และ นักถ่ายวิดีโอ มือสมัครเล่น แต่ยังไม่มี wifi ราคา ประกันร้านอยู่ราว 18,000 บาท และ ประกันศูนย์ราว ราว 2 หมื่นต้นๆ สำหรับเลนส์ Kits รุ่นต่อมาเป็นที่นิยม ไม่แพ้กันนั้นก็คือ 750d ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ ระบบประมวลผลรุ่นใหม่ มี Wi-Fi ระบบโฟกัสที่ดีขึ้นมาก ราคาเริ่มต้นราว 22,000 บาท ตัดสุดท้ายเป็น 760d ทีเพิ่มเติมจาก 750D คือ Top LCD ที่เหลือแทบจะเหลือกันทุกอย่าง ราคาเริ่มต้นก็ขยับขึ้นมาอีกราว 2,000 บาท
- Nikon D3400, D5600 รุ่นแรก เป็นรุ่นพื้นฐาน จุดโฟกัสน้อย ส่วน D5600 ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ หน้าจอแบบหมุนได้ และ จุดโฟกัสมากกว่า
DSLR simi Pro กล้องระดับเกือบ Pro ที่เพิ่มเติมคือการควบคุม
- Canon EOS 80d กล้องที่โครตเก่งวิดีโอ สามารถบันทึกได้ 1080 ที่ 60p มีความละเอียดอยู่ที่ 24.2 MP โฟกัส 45 จุดแบบ Cross-Type นอกจากนั้นยังได้ออกเลนส์ Kits ตัวใหม่ 18-135 F/3.5-5.6 IS USM พัฒนาจากรุ่นก่อนหน้า ทั้งโฟกัสเร็วขึ้น เคลือบผิวแบบใหม่ และยังมีอุปกรณ์เสริม ที่จะเปลื่ยนให้เลนส์กลายเป็นเลนส์ซูมไฟฟ้า
- Nikon D7500 กล้องที่เน้นด้านถ่ายกีฬา สามารถรัวถึง 8 เฟรมต่อวิ เซ็นเซอร์ความละเอียด 20.9 ล้านพิกเซล ISO 100- 1,638,400 มี Wi-Fi ให้ใช้งาน ระบบประมวลผลตัวใหม่ buffer ที่ใหญ่ขึ้น และ Flat Picture control ISO ที่ดีขึ้นมาก เมื่อเทียบกับตัวเก่า ราคาราว 4 หมื่นปลาย
DSLR Pro (APS-C) กล้องเซนเซอร์ระดับ APS-C เน้นความเร็ว วิดีโอ การควบคุมระดับ Pro
- Canon EOS 7D Mark 2 เรือธงในกลุ่ม APS-C ยกเทคโนโลยีการโฟกัสของ 1DX มาใช้งาน แทบทั้งหมด ถ่ายรัวต่อเนื่อง 10 ภาพต่อวิ โฟกัส Cross Type 65 จุด กันละอองน้ำ ละอองฝุ่น
- Nikon D500 กล้อง DSLR ตัวล่าสุดของฝั่ง Nikon จุดโฟกัส 153 จุด ถ่ายภาพต่อเนื่อง 10 ภาพต่อวิ ISO ดันขึ้นไปสูงสุดถึง 1,640,000 ไม่ผิดครับ 1 ล้าน 6 แสน 4 หมื่น สำหรับกล้อง APS-C ถ่ายวิดิโอ 4K จอภาพสัมผัสขนาด 3.2 นิ้ว ราคา 69,990 บาท
DSLR Pro (Full Frame)
- Canon 6D Mark II, EOS 5D Mark IV, 5DSR เริ่มที่ตัวแรกเป็น Full Frame ระดับเริ่มต้น เน้นไฟล์ ตัวที่ 2 5d Mk4 เพิ่มจุดโฟกัสเข้ามา การควบคุมดีขึ้น และ 5DSR เน้นสำหรับคนที่ชอบเอามาขุดรายละเอียด
- Nikon D610 D750 D850 ตัวแรกเน้นเรื่องไฟล์เป็น Full Frame ตัวเริ่มต้น ตัวที่ 2 เน้นความเร็ว และ วิดีโอมากขึ้น ตัวสุดท้าย เน้นไฟล์ที่ใหญ่ สำหรับงานละเอียด
DSLR Pro (Full Frame High Speed) กล้อง DSLR เซนเซอร์ขนาด Full Frame เน้นความเร็ว สูง
- Canon 1DX MK2 กล้อง DSLR ตัด Top สุดของค่ายตอนนี้ เรียกได้ว่า มีอะไร ใส่มาหมด ไม่กั๊กอะไรเลย ทั้งถ่ายต่อเนื่อง 16 เฟรมต่อวิ วิดิโอ ความละเอียด 4k ที่ 60p บิดเรทสูงถึง 800 Mbps โฟกัสในที่มึด -3ev ถ่าย Raw ต่อเนื่องสูงสุด 170 รูป (JPEG ไม่จำกัด) ราคาราว 220,000 บาท
- Nikon D5 กล้อง DSLR ตัด Top ที่สุดของค่ายเช่นกัน จัดเต็มมาไม่แพ้กัน ความละเอียด 20.8 MP ISO สูงสุด 3,280,000 (Native 102,400) พิมพ์ไม่ผิดครับ สามล้าน วิดีโอ 4K 30p ถ่ายได้ต่อเนื่องได้ 12 รูปต่อวิ ( 14 รูปต่อวิ ในโหมดล็อกกระจก) โฟกัส 153 จุด (cross type 99 จุด) ราคา 226,900 บาท
Mirorless สำหรับมือใหม่ – ราคาเริ่มต้นอยู่ราว 15,000 ถึงราว 20,000 ต้นๆ บาท เน้นใช้งานง่าย มีจอพับ เชลฟี่ได้ง่าย
- Panasonic GF8, GF9 จุดเด่นทั้ง 2 ตัวคือ ใช้งานง่าย มีจอสัมผัสพับเชลฟี่ ถ่ายวิดิโอเก่ง ฟังก์ชั่น Soft skin, Beauty และ Retouch GF-9 มีจุดที่เหนือกว่ารุ่นเก่าคือสามารถถ่ายวิดีโอ 4K ได้ ตัว Panasonic GF-8 มีราคาอยู่ที่ 20,990 บาท ส่วน GF-9 ราคาอยู่ที่ 23,990 บาท
- Olympus E-LP8 – จุดเด่นอยุ่ที่กันสั่นในตัวกล้อง 3 แกน โฟกัสเร็ว จอสัมผัสพับเชลฟี่ ด้านล่าง ราคาแพงกว่าตัวอื่นนิดๆ อยู่ที่ 24,990 บาท
- Fuji X-A10 รุ่นล่างสุดของ Fujifilm ต่อยอดมาจาก X-A2 ถ่ายแล้ว อมชมพู ดูแล้วใสๆ ที่สำคัญ ดีไซน์สวยมาก จอพับได้ 180 องศา และ เซนเซอร์ขนาดใหญ่ ส่วนราคาอยู่ที่ 19,990 บาท สำหรับเลนส์เดี่ยว
- Fuji X-A3 กล้องรุ่นฮิตที่ต่อมาจาก X-A2 สิ่งที่ปรับปรุงขึ้นมาคือ หน้าจอสัมผัสแบบพับได้ 180 องศา เพิ่มความละเอียดเป็น 24.3 MP และ ฟังก์ชันต่างๆ มี Wi-Fi ราคาอยู่ที่ 23,990 บาท
- Canon M10 กล้อง Mirrorless มือ 1 ที่ถูกที่สุดตอนี้ ด้วยราคาเพียงแค่ 16,990 บาท หรือ จะชุด 2 เลนส์ ก็ 2 หมื่น 1 มีทอน จุดเด่นตัวนี้อยู่ที่ ใช้งานง่าย ฟังก์ชันเยอะ สำหรับการเชลฟี่
- Sony a5000 a5100 ทั้ง 2 ตัว มีจุดเด่นอยู่ที่ ลงแอพได้ แต่อย่างไรแล้ว แอพก็ไม่เยอะมาก A5000 นั้น ราคาอยู่ที่ 18,990 บาท โฟกัสช้าระดันนึง ยังไม่ใช่จอสัมผัส ส่วน A5100 ก็มีจอสัมผัส พับเชลฟี่ได้ โฟกัสเร็วมากก ถ่ายวิดิโอโครตเก่ง ทำให้ Blogger หลายๆคนก็ใช้ตัวนี้ในการทำงาน ทั่งภาพ นิ่ง และ ถ่ายวิดีโอ เพราะลงตัวสุด ในราคา 23,990 บาท
Mirorless Simi Pro – ใช้งานจริงจังมากขึ้น มี EVF ไวใช้งาน
- Olympus EM10 Mark III เป็นกล้องตัวนึงที่ผมโครตชอบ เพราะตัวเล็ก จับถนัด Dial ใหญ่ ที่สำคัญมีกันสั่น 5 แกน ให้ใช้งาน ด้านจอก็เป็นจอสัมผัส เลือกจุดโฟกัสได้ EVF โครตชัด เลนส์ Kits มาเล็ก น่ารัก ในราคา 29,990 บาทสำหรับเลนส์เดี่ยว
- Panasonic G7/G85 จุดเด่นอยุ่ที่ 4K วิดิโอ และ 4K Photo หน้าจอสัมผัส ราคาอยู่ที่ 29,990 บาท สำหรับเลนส์ Kits ส่วน G85 ใช้เซ็นเซอร์ที่ไม่มี Low Pass Filter และ เพิ่มกันสั่น 5 แกน ราคาอยู่ที่ 38,990 บาท พร้อมเลนส์ Kits
- Panasonic GX-85 – จุดเด่นอยู่ที่ ภาพนิ่ง ด้วยเซนเซอร์ แบบไม่มี Low Pass filter ขนาด 16 MP ตัวกล้อง ใหญ่นิดๆ น้ำหนัก กลางๆ มี 4K ให้ใช้งาน ราคาเริ่มต้นที่ 25,990 บาท
- Sony A6000 กล้อง Mirrorless ที่ขายดีที่สุดทั่วโลก (Sony เขาบอกมา) เน้นด้านความเร็ว จุดโฟกัสเยอะถึง 169 จุด 24 area ถ่ายต่อเนื่องได้ 11 ภาพต่อวินาที เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ APS-C วิดีโอ Full HD แบบ AVCHD bitrate สูงถึง 28 Mbps หน้าจอพับขึ้นได้ 90 องศา พับลงได้ราว 41 องศา ราคาตอนนี้ เรียกว่าค่อนข้างถูกสำหรับกลุ่มนี้ อยู่ที่ 27,990 บาท
- Canon EOS M6 – กล้อง Mirrorless ที่โดดเด่นด้านวิดิโอ ด้วยโฟกัสแบบ Dual Pixel AF ชึ่งค่อนข้างสมูธ เวลาถ่ายวิดิโอ แต่ไม่ได้เร็วมากนัก สำหรับการถ่ายรูปทั่วไป ที่สำคัญ มาพร้อมกับ ช่องต่อไมโครโฟน เพราะส่วนใหญ่ในระดับนี้จะไม่มีกัน (Pana G7 มีนะ) ส่วนราคาเริ่มต้นที่ 2 หมื่นปลาย
- Fujifim X-T20, X-E3 ใช้เซ็นเซอร์ X-Trans CMOS III 24 MP ถ่ายวิดีโอ 4K แถมมีจอสัมผัสอีกด้วย ต่างกันที่ Design ซึ่ง X-T20 จะคล้าย DSLR แต่ X-E3 จะคล้าย Rangefinder และ ข้อแตกต่างอีกอย่าง X-T20 มีจอพับได้ แต่ X-E3 ไม่มีครับ กล้องทั้ง 2 รุ่นเรียกง่ายๆว่า กล้อง X-T2 ย่อส่วน เพียงแต่ไม่สามารถกันละอองน้ำ ละอองฝุ่นได้ ราคาอยู่ที่ 32,990 บาท
Mirrorless Pro
- Panasonic GX8 – กล้อง Panasonic ดีไซน์ range finder เป็นตัวแรกๆที่มีความละเอียด 20 MP สามารถถ่าย 4K ได้ ราคาอยู่ที่ 42,990 สำหรับ Body และ Body +12-32 ราคา 69,990 บาท
- Panasonic GH4 – อีกตัวนึงที่บอกว่า โครตเทพด้านวิดีโอ เพราะสามารถถ่าย Full HD ได้ Bitrate สุงสุดถึง 200 Mbps ชึ่งสูงกว่ากล้องปกติ ราว 10 เท่า เลยทีเดียว ราคาอยู่ที่ 59,990 บาท
- Olympus OMD EM5 Mark 2 กล้องรุ่นเกือบ Top ในปัจจุบัน เซ็นเซอร์ Micro Four Third ความละเอียด 16 MP High Resolution shot ได้ถึง 40 MP กันสั่น 5 แกน วิดิโอ Full HD ช่องเสียบไมค์ ราคา EM5 MK II Body + 12-40 F/2.8 อยู่ที่ 64,990 บาท ส่วน EM1 + 12-40 ราคา 58,890 บาท
- Olympus OMD EM1 Mark 2 กล้อง Top สุด เซ็นเซอร์ Micro Four Third ความละเอียด 20 MP ไฟล์ภาพดีกว่า X-T1 กันสั่น 5 แกน ที่เครมว่าลด speed shutter ได้ถึง 5.5 stops และ 6.5 stops เมื่อใช้กับเลนส์บางรุ่น วิดีโอ 4K ความละเอียดสูง ถ่ายต่อเนื่อง 60 fps แบบ Raw+JPEG ราคาอยู่ที่ 76,990 บาท สำหรับ Body
- Olympus PEN-F กล้อง OLYMPUS PEN F เป็นกล้องดีไชน์คลาสสิก ออกมาฉลองครบรอบ 80 ปี ที่สำคัญกล้องตัวนี้ออกมาเพื่ออยู่ในตำแหน่งสูงสุดของตระกูล Pen ณ ปัจจุบัน จึงยัดความสามารถด้านรูปภาพทั้งหมดมาได้กล้องตัวนี้ ทั้งเชนเชอร์ตัวใหม่ ความละเอียดมากถึง 20 MP ที่มีความสามารถมากกว่าเดิม กันสั่น 5 แกนภายในตัวกล้อง ราคา Body อยู่ที่ 47,990 บาท และ พร้อม 17 mm F/1.8 อยู่ที่ 59,990 บาท (รีวิว)
- Fuji X-Pro 2 – กล้องตัวล่าสุดของค่าย มาพร้อมกับเซนเซอร์ใหม่ 24 MP ดีไชน์ Range Finder ระบบโฟกัสแบบใหม่ ที่ดีขึ้นมากจากรุ่นเก่า มี Film simulation ใหม่ชื่อ “ACROS” ส่วนราคา Body อยู่ที่ 59,990 บาท
- Fuji X-T2 – กล้องตัว top ของค่ายสำหรับดีไซน์ SLR เซนเซอร์ 24 MP สามารถกันละอองน้ำได้ ถ่ายวิดิโอ 4K ในราคา 59,990 บาทสำหรับรุ่นปกติ และ 69,990 บาทสำหรับ Body + Kits 18-55
- Sony A6300 กล้องตัวเกือบ Top ที่สุด เร็วที่สุด ของค่ายในระดับ APS-C มาพร้อมเซนเซอร์แบบใหม่ รับแสงได้ดีขึ้น ความละเอียด 24 MP ถ่ายวิดิโอ 4K ที่ 100 Mbps ได้ โฟกัส 425 จุด และ ยังมีฟีเจอร์อีกเพียบ สามารถเข้าไปดูได้ที่ บทความนี้ครับ (คลิก) ส่วนราคาอยู่ที 39,990 บาทสำหรับ Body และ 47,990 บาทสำหรับ Body + Kits ปัจจุบันได้ออกมาอีกรุ่นคือ A6500 สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือ หน้าจอสัมผัส ที่สำคัญมีกันสั่น 5 แกน ราคาอยู่ที่ 51,990 บาท
- Sony A7 ชี่รี่ย์ เป็นกล้อง เซนเซอร์ขนาด Full Frame แยกหลักๆ เป็น 3 รุ่น คือ ตระกูล A7 เน้นใช้งานทั่วไป ตระกูล A7R เน้นความละเอียดของภาพ ไม่มี Low Pass Filter และ ตระกูล A7s เน้นวิดีโอ แม้ พิกเซลไม่ได้มากนัก แต่ ทำให้ Noise น้อยลงเพราะไม่ต้องเบียด พิกเซลไปเยอะๆ ในปัจจุบันทั้ง 3 ตระกูล ได้ออกรุ่นที่ 2 ออกมาแล้ว โดยปรับปรุงประสิทธิภาพ และ เพิ่มกันสั่นเข้ามา ในปัจจุบันมีรุ่นที่ขายและราคาดังนี้ครับ Sony A7 (37,990 บาท สำหรับ Body 47,990 บาทสำหรับ Body + Kits 28-70) Sony A7r (69,990 บาท) Sony A7s (79,990 บาท) Sony A7 II (56,990 บาทสำหรับ Body 63,990 บาทสำหรับ Body + Kits) Sony A7R II (109,990 บาท) A7S II (114,990 บาท)
หมายเหตุ : กล้องที่นำเสนอ เป็นกล้องที่หน้าสนใจ แต่ยังมีอีกหลากหลายรุ่นให้เลือกชื้อ หากสนใจตัวไหนเป็นพิเศษ สามารถสอบถามได้ครับ
แบบไหนเหมาะกับเรา ?
มาดูกันว่าตัวไหนเหมาะกับเรา ชื้อตัวไหนดีแบบง่ายๆ
Compact – เหมาะสำหรับคนต้องการง่ายๆ ตัวเดียวจบ
DSLR like – เหมาะสำหรับผมง่ายๆ แต่ต้องการช่วงยาวๆ
DSLR – เหมาะกับผู้ใชงานจริงจัง ต้องการต่อยอด มีอุปกรณ์เสริมเยอะๆ
Mirrorless – เหมาะสำหรับคนเริ่มจริงจัง แต่บางครั้งก็อยากได้ง่ายๆ แต่มีคุณภาพ และ น้ำหนักเบา
เป็นไงบ้างครับ คงได้รู้กันไปแล้ว ว่าตัวเองเหมาะกับประเภทไหน มาแชร์กันครับ ว่าคุณเหมาะกับรุ่นไหน หรือ แบบไหน ใน Comment ด้านล่างเลยครับ หรือ ที่ Facebook และ Twitter