เนื่องด้วยผมโดนคนรอบตัวรุมระยัมข้อเสียมาเยอะมาก (แต่ก็มีคนชมมันนะครับ)สำหรับ macbook (retina) ชึ่งผมจะมาไขทีละข้อว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้
- Logo Apple ไม่มีไฟ – มันก็หมดความขลัง ไม่เท่ห์ อันนี้น่าจะเกี่ยวกับเรื่องความบางล้วนๆ เพราะ ตัวจอมันโครตบาง เลยทำให้ไม่สามารถใส่ไฟได้ ณ เทคโนโลยีตอนนี้ แต่ถ้าทำได้ แต่อาจหนากว่านี้ Apple ก็เลยไม่ได้ใส่มา
- กล้องลดความละเอียดเหลือ 480P ชึ่งต้องบอกว่า มันไม่ควรมาอยู่ในเครื่องละ 40,000 ด้วยช้ำ ควรใส่ เป็น Full HD ไปเลย (ส่วนตัวใช้ mac ที่เป็น Facetime HD ก็ต้องบอกว่า Video Call พอได้แต่ อย่างอื่นก็ไม่ใช้ ) ผมคาดว่า Apple สามารถทำได้แต่ตัวกล้องอาจจะยื่นออกมาแล้วโดนด่าเหมือน iPhone 6 Apple เลยไม่ขอเสี่ยงดีกว่า
- USB Type-C อันนี้เป็นแนวคิดของ สตีปจ็อบครับ แต่ก็เข้าใจครับ แต่มันทำให้บาง ทำให้ว้าวไม่ใช่เหรอครับ แต่ Apple ก็คงอยากขายอุปกรณ์ด้วยแหละครับ (คาดว่าที่ Apple ขาย จีนจะก็อบมาขายด้วยราคาไม่เกิน 1,000 อย่างแน่นอน #ขอคืนความสุขให้ชาวโลกของเวลาอีกไม่นาน ) ที่มา @nutmos
- มันจะงอไหม เป็นคำถามที่ไม่ได้โดดเด่นมาก แต่ก็คุยเรื่องนี้กับเพื่อน เพื่อนก็เลยบอกว่ามันจะงอไหมเพราะมันบางอันนี้ก็ต้องรอดูครับว่าจะงอได้ไหม
- อุปกรณ์เสริมราคามหาโหด อันนี้โหดมากแม้แต่ ที่ชาจชุดนึงล่อไปเกือบ 4,000 ผมลองนั่งคำนวณ USB-C Digital AV Multiport Adapter – 2990
USB-C to USB Adapter – 690
ชุดชาจ USB-C Charge Cable (2 ม.) 1090 บาท
Power Adapter Extension Cable 690 บาท
Apple USB-C Power Adapter ขนาด 29 วัตต์ 1890 (ปกติ Apple จะขายเป็นชุด 3 อันหลัง 2,790 รอบนี้ล่อมา 3670
ชึ่งรวมอุปกรณ์ ทั้งหมดนี้ 7350 +Apple Care 8500= 15800 นี่แค่อุปกรณ์เสริมนะครับ ไม่รวมค่าเครื่อง#ฆาตรกรชื่อApple สำหรับใครที่ถามว่า ต้องชื้อสายชาจด้วยด้วยเหรอไม่ไม่มีมาให้ เหรอ มันมีมีมาให้ครับ ส่วนตัวดูแล้วจะงอ ดำ พัง ง่ายแน่ๆ ไม่เกิน 1 ปีเหมือน iphone ครับ - สายชาจไม่ใช้ Apple MagSafe Power Adapter เวลาไปโดนมันสะดุดเครื่องจะไม่หล่น ชึ่งอันนี้ไม่เป็นชึ่งผมก็สงสัยเหมือนกัน น่าจะเป็นเพราะ USB Type-c
แล้วเครื่องนี้เหมาะกะใคร – ดาดว่าเหมาะกับคนที่เอามาใช้เช็คเมล เข้าไฟล์ ทำงานเกี่ยวกับ Cloud แล้วสำคัญสุดคือมีตังครับ