เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วกับ Olympus OMD E-M5 Mark III กล้องในระดับกลางจาก Olympus โดยต้องบอกเลยว่าสเปคนั้นหลายส่วนได้นำมาจากรุ่นพี่อย่าง E-M1 Mark II รวมไปถึงระบบโฟกัสอีกด้วย ที่ใช้ Cross-Type จำนวน 121 จุด บอดี้สามารถกันละอองน้ำ ละอองฝุ่นได้ ส่วนราคาของ Olympus OMD E-M5 Mark III มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 39,990 บาท เริ่มจำหน่ายปลายเดือนพฤศจิกายน
ราคา Olympus OMD E-M5 Mark III อย่างเป็นทางการ
- Olympus OMD E-M5 Mark III บอดี้ ราคา 39,990 บาท
- Olympus OMD E-M5 Mark III พร้อมเลนส์ 14-150 mm II ราคา 49,990 บาท
- Olympus OMD E-M5 Mark III พร้อมเลนส์ 12-40 mm f/2.8 ราคา 64,990 บาท
สเปค Olympus OMD E-M5 Mark III
- เซ็นเซอร์ Micro Four Thirds ความละเอียด 20.4 ล้านพิกเซล
- ISO 200-25600 สามารถกดได้ 64 และ 100
- ชิปประมวลผล Truepic VIII
- สามารถถ่ายวิดีโอ C4K (4096×2160) ที่ 24 P 237 Mbps หรือ 4K UHD (3840 x 2160) ที่ 30P
- รองรับระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลด Speed Shutter ได้ 5.5 Stops
- สามารถทนละอองน้ำ ละอองฝุ่นได้ และใช้งานได้ถึง -10 องศา
- ไฟล์ Raw 12 Bit
- ระบบโฟกัสแบบ Dual Fast 121 จุด เป็น Cross Points สามารถตั้งรูปแบบได้หลายแบบ
- Speed Shutter แบบ M-Shutter 1/8000-60 วินาที ส่วน E-Shutter ที่ 1/32000-60 วินาที
- Sync Flash ได้ที่ 1/320
- ถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุด 10 FPS เมื่อใช้ M-Shutter และ 30 FPS เมื่อใช้ E-Shutter
- High Res Mode สูงสุดที่ 80 ล้านพิกเซล (Raw File), 50 ล้านพิกเซล (JPEG)
- รองรับการถ่าย HDR, Time-Lapse, B-exposure with continuous visualization, Raw editing, focus peaking, Live Composite, focus stacking, high resolution
- EVF ความละเอียด 2.36 ล้านพิกเซล
- หน้าจอสัมผัสขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 1.04 ล้านพิกเซล
- รองรับการ์ดแบบ UHS-II
- รองรับพอร์ท USB 2.0, Micro HDMI, ช่องเสียบไมค์โครโฟน และ ช่องเสียบหูฟัง
- แบตเตอรี่รุ่น BLS-50 สามารถถ่ายได้ประมาณ 310 ภาพ
- น้ำหนัก 414 กรัม (รวม SD Card และแบตเตอรี่)
กล้อง Olympus OM-D E-M5 Mark III มาพร้อมกับระบบออโต้โฟกัส All-cross-type On-chip Phase Detection AF 121จุด ชนิดเดียวกับกล้องโปรเฟสชั่นนอลรุ่น OM-D E-M1 Mark II ที่มีความสามารถของออโต้โฟกัสที่รวดเร็วและแม่นยำในรูปแบบกล้องที่มีน้ำหนักเบาและกะทัดรัด นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับกันสั่นประสิทธิภาพสูงที่มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย เช่น Live Composite และ Live Bulb แม้ใช้งานร่วมกับเลนส์ M.Zuiko Digital ED 12-40mm F2.8 PRO ก็ยังมีน้ำหนักเบาและกะทัดรัดสามารถพกใส่กระเป๋าใบเล็กไปได้ทุกที่
ระบบออโต้โฟกัส All-cross-type On-chip Phase Detection AF 121จุดทำให้การโฟกัสมีความรวดเร็วและแม่นยำสูง โดยสามารถจับภาพวัตถุเคลื่อนไหวที่ยากต่อการจับโฟกัสได้อย่างง่ายดายทำให้คุณไม่พลาดโอกาสในการจับภาพแม้เพียงเสี้ยววินาที ทั้งนี้กล้องโอลิมปัสชนิดเปลี่ยนเลนส์ได้มีจุดเด่นสำคัญอยู่ที่ความคล่องตัวในการใช้งานที่กล้องและเลนส์มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา นอกจากนี้เมื่อใช้งานร่วมกับเลนส์ที่มีความละเอียดและประสิทธิภาพสูงพร้อมกันสั่น 5 แกนทำให้ได้ผลลัพธ์ที่คมชัดทั่วทั้งภาพทั้งภาพนิ่งและงานวิดีโอ ที่สำคัญมาพร้อมฟีเจอร์สำคัญถึง 4 ข้อ
- พกพาสะดวกมาพร้อมกับคุณภาพภาพระดับสูงผ่านตัวกล้องที่มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ป้องกันฝุ่นละอองละอองน้ำและอากาศเย็นจัด -10 องศา มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา
ทุกชิ้นส่วนบนกล้อง OM-D E-M5 Mark III รวมถึงกันสั่นถูกพัฒนาให้มีขนาดกะทัดรัดแต่มีประสิทธิภาพการใช้งานที่ดียิ่งขึ้นเข้ากับบอดี้ของกล้อง เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานให้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาประสิทธิภาพของระบบจ่ายไฟให้ใช้งานได้อย่างกะทัดรัดมากยิ่งขึ้นด้วยแบตเตอรี่รุ่น BLS-50 ทำให้กล้อง OM-D E-M5 Mark III มีรูปลักษณ์ที่มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา นอกจากนี้กล้องรุ่นนี้สามารถนำพกพาออกไปทริปได้อย่างไร้กังวลแม้ใช้งานร่วมกับเลนส์ซูมที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ และด้วยขนาดที่กะทัดรัดและพกพาสะดวกนี้เองทำให้คุณสามารถถือถ่ายได้เป็นระยะเวลานานในสถานที่ที่ไม่สามารถใช้ขาตั้งกล้องได้ คุณจึงรู้สึกเหนื่อยล้าลดลงและสนุกไปกับการถ่ายภาพโดยไม่ต้องกังวลว่าจะพลาดช็อตสำคัญอีกต่อไป ซึ่งโอลิมปัสได้สร้างสรรค์เลนส์ที่มีน้ำหนักเบาและมีความละเอียดสูงตอบสนองทุกความต้องการใช้งานของคุณ
นอกจากนี้กล้อง OM-D E-M5 Mark III มาพร้อมกับเซนเซอร์ Live MOS 20.4 ล้านพิกเซล พร้อมหน่วยประมวลผลภาพความเร็วสูงล่าสุดTruePic VIII และกันสั่น 5 แกนประสิทธิภาพสูง เมื่อใช้งานร่วมกับเลนส์ M.Zuiko Digital ความละเอียดสูง ช่วยให้สามารถเก็บภาพคุณภาพสูงด้วย Noise ที่ต่ำแม้ตั้งค่าไว้ที่ High-sensitivity และลดความบิดเบือนของภาพ คมชัดไปจนถึงขอบภาพ
บอดี้ของกล้อง OM-D E-M5 Mark III ถูกซีลด้วยการป้องกันฝุ่นละออง ละอองน้ำและอากาศเย็นจัดขั้นสูง ทำให้คุณสามารถใช้งานกล้อง OM-D E-M5 Mark III ได้ในทุกสภาพอากาศ นอกจากนี้ยังติดตั้งด้วยฟิลเตอร์กำจัดฝุ่น SSWF (Super Sonic Wave Filter) ซึ่งสามารถลดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกด้วยการสั่นฟิลเตอร์เซ็นเซอร์รับภาพ 30,000 ครั้งต่อวินาที
·ช่องมองภาพรูปทรงสามเหลี่ยมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกล้องรุ่น OM-1
กล้อง Olympus รุ่น OM-1 ได้รับความนิยมไปทั่วโลกในฐานะที่เป็นกล้อง SLR ที่มีขนาดกะทัดรัดและมีประสิทธิภาพสูง หนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือช่องมองภาพรูปทรงสามเหลี่ยมแบบคลาสิกที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่เป็นเจ้าของ โดยดีไซน์นี้ถูกนำมาใช้ในการออกแบบกล้อง OM-D E-M5 Mark III นอกจากนี้กริปจับด้านหลังที่มีขนาดใหญ่ขึ้นช่วยทำให้ผู้ใช้สามารถจับได้อย่างกระชับมือ
2. ระบบออโต้โฟกัส All-cross-type On-chip Phase Detection 121 จุด ชนิดเดียวกับกล้องรุ่นโปรเฟสชั่นนอล
กล้อง OM-D E-M5 Mark III มาพร้อมกับออโต้โฟกัสแบบ All-Cross-type On-chip Phase Detection 121 จุด สำหรับโฟกัสในมุมกว้างทั่วทั้งหน้าจอซึ่งเป็นฟีเจอร์สำคัญในกล้อง OM-D E-M1 MarkII ทำให้ความแม่นยำของออโต้โฟกัสไม่ลดลงเมื่อใช้งานร่วมกับเลนส์ที่มีความเร็วสูง นอกจากนี้กล้อง OM-D E-M5 Mark III มีความแม่นยำและความรวดเร็วในการโฟกัสระดับสูงเมื่อใช้งานคู่กับเลนส์ M.Zuiko Digital โดยตั้งค่ารูรับแสงไว้สูงสุดซึ่งไม่ต้องกังวลในเรื่องของตัวแบบที่กำลังจะถ่าย นอกจากนี้ซอฟต์แวร์ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่ารุ่นเดิม โดยสามารถจับโฟกัสที่ตัวแบบในขณะกระโดดขึ้นจากพื้นได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำหรือให้มุมมองของภาพและวัตถุที่ถ่ายได้อย่างชัดเจนทั้งระยะใกล้และไกล
กล้อง OM-D E-M5 Mark III สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องในโหมด AF/AE tracking สูงสุดถึง 10 ภาพต่อวินาทีเหมาะสำหรับการถ่ายภาพตัวแบบที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เช่น การถ่ายภาพกีฬา โดยซอฟต์แวร์ที่ใช้ติดตามวัตถุใช้ข้อมูลออโต้โฟกัสทั้งจากภาพที่หน้าจอ Live View และภาพที่บันทึกไว้แล้ว ช่วยให้คุณสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของวัตถุซึ่งไม่สามารถคาดเดาการเคลื่อนที่และความเร็วของตัวแบบได้อย่างไร้กังวล
เลนส์ M.Zuiko Digital ถูกออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบาเพื่อการโฟกัสที่รวดเร็ว ซึ่ง Actuator ช่วยให้โฟกัสได้เงียบ รวดเร็วและแม่นยำสูง ดังนั้นออโต้โฟกัสที่มีความรวดเร็วและแม่นยำสูงของกล้อง OM-D E-M5 MarkIII จึงช่วยดึงประสิทธิภาพของการโฟกัสที่เหนือกว่าและเต็มประสิทธิภาพเมื่อใช้งานร่วมกับเลนส์ M.Zuiko Digital
3. ติดตั้งชุดกันสั่นขนาดกะทัดรัดรุ่นใหม่ล่าสุดและกันสั่น 5 แกนในตัวกล้องเพื่อคุณภาพภาพระดับสูง
ชุดกันสั่น 5 แกนรุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อประสิทธิภาพการใช้งานระดับสูงในตัวกล้อง OM-D E-M5 MarkIII ที่มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา ซึ่งผ่านการวิเคราะห์และพัฒนาให้ตอบสนองต่อภาพและเซนเซอร์ Gyro ได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่กล้องสั่น นอกจากนี้หน่วยประมวลผลภาพ TruePic VIII ควบคุมชุดกันสั่นได้อย่างแม่นยำทำให้สามารถชดเชยความเร็วชัตเตอร์ได้สูงถึง 5.5 สเต็ป โดยกันสั่น 5 แกนที่อยู่ในกล้อง OM-D E-M5 MarkIII เมื่อใช้งานร่วมกับเลนส์ M.Zuiko Digital สามารถถือถ่ายโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้องได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและลดการเบลอของภาพที่บริเวณมุมภาพ ขณะหมุนหรือเคลื่อนที่ไม่สามารถชดเชยได้เพียงแค่กันสั่นจากภายในเลนส์แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เมื่อใช้งานร่วมกับเลนส์ที่มีกันสั่นในตัว และกันสั่น 5 แกนในตัวกล้องทำให้กล้อง OM-D E-M5 Mark III สามารถชดเชยความเร็วชัตเตอร์ได้สูงถึง 6.5 สเต็ป ช่วยให้ถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยและถ่ายภาพระยะ Telephoto ได้อย่างไร้กังวล
4. มาพร้อมกับฟังก์ชันการถ่ายภาพที่โดดเด่นและใช้งานได้อย่างหลากหลาย เช่น Live Composite Pro Capture Focus Stacking การถ่ายภาพความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซลโดยใช้ขาตั้งกล้อง เป็นต้น
กล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับโหมด Live Composite ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่โดดเด่นซึ่งซ้อนภาพหลายๆช็อตที่ความเร็วชัตเตอร์เดียวกันและรวมเฉพาะส่วนสว่างของภาพ เพื่อใช้สำหรับถ่ายภาพเส้นแสงไม่ว่าจะเป็นดาวหมุนหรือไฟรถที่วิ่ง ซึ่งฟีเจอร์นี้ช่วยป้องกันปัญหาภาพสว่างมากจนเกินไปเมื่อถ่ายภาพแบบ Long Exposure โดยผู้ใช้งานสามารถเช็คเส้นแสงผ่านหน้าจอ Live View ได้แบบเรียลไทม์ซึ่งไม่สามารถทำได้หากใช้งานกล้อง SLR
โหมด Pro Capture อีกหนึ่งฟังก์ชันที่ช่วยถ่ายภาพที่ยากต่อการบันทึกในเสี้ยววินาที เช่น จังหวะนกกำลังบิน โดยกล้องจะเริ่มบันทึกภาพที่ความละเอียด 20 ล้านพิกเซลตั้งแต่กดชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่งและจะบันทึกลงในการ์ดทันทีที่กดชัตเตอร์ลงจนสุดซึ่งทำให้คุณสามารถได้ภาพทั้งก่อนหน้าและหลังจากกดชัตเตอร์ โดยกล้องสามารถบันทึกที่ 14 ภาพเฟรมต่อวินาทีและสูงสุดถึง 30 ภาพต่อวินาทีสำหรับถ่ายภาพความเร็วสูงเมื่อเลือกใช้งานในโหมด Pro Capture H และรองรับการบันทึกภาพเป็นไฟล์ Raw
โหมด Focus Bracketing สามารถบันทึกภาพได้สูงสุดถึง 999 ภาพด้วยการกดชัตเตอร์เพียงแค่ครั้งเดียวโดยกล้องจะขยับตำแหน่งของจุดโฟกัสไปเล็กน้อยในแต่ละช็อต โดยสามารถเลือกจำนวนระยะโฟกัสที่ต้องการให้กล้องบันทึก (Focus Step) ได้สูงสุดถึง 10 ระยะ และนำภาพมารวมกันเป็นภาพเดียวผ่านโปรแกรมแต่งภาพ Olympus Workspace เวอร์ชั่น 1.1
จึงเป็นเรื่องง่ายที่คุณจะได้ภาพคุณภาพสูงที่มีระยะชัดลึกโดยใช้รูรับแสงที่กว้างด้วยโหมด Focus Bracketing นอกจากนี้กล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับโหมด Focus Stacking ซึ่งสามารถรวมภาพได้จากภายในกล้องโดยอัตโนมัติ โดยการถ่ายภาพ 8 ภาพที่ระยะโฟกัสที่แตกต่างกันและรวมภาพจากภายในกล้องได้ทันที เพื่อให้ได้ภาพที่มีระยะชัดลึกตั้งแต่ฉากหน้าไปจนถึงฉากหลัง
เมื่อถ่ายภาพความละเอียดสูงโดยใช้ขาตั้งกล้อง กล้องจะขยับเซ็นเซอร์รับภาพเพิ่มขึ้นทีละ 0.5 พิกเซล ในขณะที่ถ่ายภาพต่อเนื่อง 8 ภาพและรวมเป็นภาพเดียวที่ความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซลซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ การถ่ายภาพสินค้าในสตูดิโอและในสถานการณ์อื่นๆที่ต้องการภาพความละเอียดสูง
ฟีเจอร์อื่นๆ
ช่องมองภาพขนาดใหญ่และมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ช่องมองภาพของกล้อง OM-D E-M5 Mark III มาพร้อมกับความละเอียด 2.36 ล้านจุด แบบ OLED ที่มีความคอนทราสต์สูงรุ่นแรกของโอลิมปัสซึ่งเป็นช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (electronic viewfinder) ที่มีสีสดสว่างและลดความผิดเพี้ยนของภาพไปจนถึงขอบภาพ โดยช่องมองภาพนี้ถูกออกแบบให้มีความแม่นยำสูงทำให้คุณมีสมาธิอยู่กับการถ่ายภาพได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ระยะห่างระหว่างช่องมองภาพประมาณ 27มม. ช่วยให้ง่ายต่อการใช้งานขณะสวมแว่นตา
OM-D Movie สำหรับการบันทึกวิดีโอ 4K
ออโต้โฟกัสแบบ On-chip Phase Detection ถูกนำมาใช้เพื่อการโฟกัสถ่ายวิดีโออย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด โดยคุณสามารถบันทึกวิดีโอ 4K ความละเอียดสูง 30p ซึ่งเมื่อรวมกับกันสั่น 5 แกนอิเล็กทรอนิกส์แล้วจะช่วยให้บันทึกวิดีโอได้อย่างราบรื่นและนิ่ง แม้จะมีการขยับจากการเคลื่อนไหวเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม คุณจึงไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์กันสั่นเพิ่มเติมขณะเคลื่อนที่ถ่ายภาพ
กลไกชัตเตอร์ความเร็วสูง 1/8000 วินาที
กล้อง OM-D E-M5 Mark III มาพร้อมกับกลไกชัตเตอร์ความเร็วสูงโดยทำงานได้สูงถึง 1/8000 วินาที ทำให้สามารถถ่ายภาพโดยตั้งค่ารูรับแสงกว้างเพื่อละลายฉากหลังได้อย่างนุ่มนวลแม้ใช้เลนส์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ในสภาพแสงสว่างนอกอาคาร
โหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป SCN (Scene)
ในโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป SCN (Scene) สามารถเลือกธีมในการถ่ายภาพได้ถึง 6 ธีม 22 โหมดการใช้งาน เพื่อเลือกตั้งค่าธีมที่คุณต้องการถ่ายภาพได้อย่างเหมาะสม เช่น โหมดถ่ายภาพบุคคล ภาพกลางคืน ภาพเคลื่อนไหว ภาพวิวทิวทัศน์ ภาพในอาคารและภาพโคลสอัพ
Art Filter
กล้อง OM-D E-M5 Mark III ติดตั้งอาร์ตฟิลเตอร์ไว้มากถึง 16 ฟิลเตอร์ คุณจึงสามารถสร้างสรรค์ภาพถ่ายที่ชื่นชอบตามความต้องการได้โดยสามารถเห็นเอฟเฟกต์ที่เลือกผ่านหน้าจอ LCD ได้แบบเรียลไทม์
โหมด Anti-flicker และ flicker scan
เมื่อเลือกใช้งานในโหมด Anti-flicker กล้องจะตรวจหาคลื่นความถี่ของแสงไฟที่กะพริบและควบคุมช่วงเวลาของชัตเตอร์ที่ค่าความสว่างสูงสุดเพื่อลดแสงและความต่างของสีที่เกิดขึ้นระหว่างเฟรม ส่วนโหมด Flicker scan ช่วยเลือกความเร็วชัตเตอร์ที่เหมาะสมเพื่อลดเอฟเฟกต์ของแสงไฟกะพริบ
เชื่อมต่อ Wi-Fi เข้ากับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth® ได้อย่างง่ายดาย
สามารถเชื่อมต่อกล้องเข้ากับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth® ง่ายๆด้วยการเปิดแอปพลิเคชัน Olympus Image Share (OI.Share) สำหรับส่งภาพที่บันทึกไว้เข้าสมาร์ทโฟนด้วย Wi-Fi ผ่านการใช้งานฟังก์ชัน Share Order โดยภาพที่เลือกไว้ในกล้องจะถูกส่งเข้าสมาร์ทโฟนโดยอัตโนมัติทันทีที่เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน
โหมด Custom
ฟีเจอร์นี้สามารถใช้เพื่อบันทึกการตั้งค่าที่ใช้งานบ่อยโดยบันทึกลงไปในโหมด Custom(สัญลักษณ์ C บนแป้นหมุน) หลังจากที่บันทึกค่าไว้เรียบร้อยแล้วคุณก็สามารถหมุนแป้นไปยังโหมด C ตามค่าที่ตั้งไว้ได้ทันที
ชาร์จแบตเตอรี่ในกล้องผ่านสาย USB
กล้อง OM-D E-M5 Mark III สามารถชาร์จแบตเตอรี่ผ่านสาย USB ระหว่างที่ไม่ได้ใช้งานกล้องได้