หากคุณกำลังมองหากล้องรุ่นนึงที่ตอบโจทย์การใช้งานด้านวิดีโอโดยเฉพาะนั้น แล้วยิ่งคุณใช้กล้องโซนี่อยู่ด้วย ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่ากล้องรุ่นนี้เป็นกล้องที่ถูกจับตามอง กับเจ้าตัว Sony A7SIII กล้องฟูลเฟรมที่เน้นในการถ่ายวิดีโอ และ Low Light โดยเฉพาะ วันนี้ทีมงาน ThePeakFoto จะมาะพรีวิวสั้นๆ เพราะต้องบอกว่าเป็นกล้องที่ปรับเปลี่ยนเยอะจริงๆ สำหรับชาว Sony จนเรียกได้ว่าผมบุคคลที่ใช้กล้อง Sony มาเยอะพอสมควร ถึงกับ งมการใช้งานอยู่เป็นวันๆ
สเปค Sony A7SIII
- เซนเซอร์ Exmor R BSI CMOS ฟูลเฟรมความละเอียด 12.1 ล้านพิกเซล
- ISO 40-409600
- ระบบประมวลผล Bionz XR
- ถ่ายภาพนิ่งรองรับไฟล์รูปภาพ HEIF มีให้เลือกทั้ง 4:2:0, 4:2:2 หรือเลือกเป็น JPEG ก็ได้เช่นกัน
- วิดีโอสามารถบันทึกได้ถึง 4K 120 FPS 4:2:2 10 Bit ที่ Bitrate 600 Mbps
- สามารถบันทึก Slow Motion ได้ที่ 240 FPS ที่ Full HD
- สามารถบันทึกได้ที่ฟอร์แมต XAVC S-L, XAVC-HS และ XAVC-S
- Profile สี HLG, S-Log2,3
- ไม่จำกัดเวลาถ่ายวิดีโอ
- กันสั่นภายในบอดี้ 5 แกน เครมได้ 5.5 Stops
- กันสั่นดิจิตอล (Active) คร็อปลงไป 10%
- หน้าจอ EVF ชนิด OLED ความละเอียด 9.44 ล้านจุด
- หน้าจอฟลิปข้าง Vari Angle ขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 1.44 ล้านจุด พับได้รอบทิศทาง
- ระบบโฟกัส Phase Detection จำนวน 759 จุด และ Contrast Detection 425 จุด ครอบคุม 92% ของหน้าจอ
- รองรับ Animal Eye-AF และ โฟกัสดวงตาขณะถ่ายวิดีโอ
- รองรับการใส่การ์ดแบบ Dual Slot และสามารถใส่ได้ทั้ง SD Card UHS-II และ CF Express Type-A
- พอร์ต Multi (Micro USB), USB-C, Full Size HDMI, ช่องเสียบหูฟัง และ ไมค์โครโฟน
- รองรับ Wi-Fi 2.4 GHz และ 5 GHz สำหรับการโอนถ่ายข้อมูล
- น้ำหนัก 614 กรัม
Body – บอดี้
Sony A7SIII ตัวบอดี้นั้นก็ต้องบอกว่าดีไซน์ใกล้เคียง Sony A7RIV เลยครับ ตัวบอดี้มีขนาดที่ใหญ่กว่า Gen 3 เล็กน้อย สิ่งที่ยังเป็นปัญหาของเจ้าตัว Sony A7SIII ก็คือกริ๊ปของเรา
ความยาวของกริ๊ปนั้นคนที่มือใหญ่อย่างผู้ชายหลายๆคนนั้น ถ้าใส่เลนส์ที่ใหญ่นิดนึงก็ต้องบอกว่านิ้วก้อยจะตก แล้วก็ความห่างของกริ๊ปกับเมาท์เลนส์นั้นก็ถ้านิ้วใหญ่จะมีสิทธินิ้วเบียวได้ง่ายมาก ทั้งนี้คนใช้ Sony A7SIII ส่วนใหญ่ น่าจะวางบนขาตั้ง และใส่กิมบอลกัน น่าจะไม่ได้มีผลกับส่วนที่สักเท่าไหร่
ปุ่มด้านหลังนั้นเรียกได้ว่าเหมือน Sony A7RIV ไม่มีผิด มีจอยสติ๊ก และ ปุ่มต่างๆมากมายให้ใช้งานได้คล่องตัว สิ่งที่แตกกต่างก็คือหน้าจอขนาด 3 นิ้ว ที่พับได้รอบทิศทาง ที่ดูทนทาน แถมเป็นเมนูแบบใหม่ สิ่งเดี่ยวทีมงานจะเล่าด้านล่าง
พอร์ตที่ต้องใช้งานเป็นสิ่งที่ผมชอบมากๆกับกล้องรุ่นนี้ เพราะครบครัน จัดเต็มมากๆ ช่องเสียบ Type-C, Multi Port, หูฟัง, ไมค์โครโฟน ครบเหมือนรุ่นเก่าๆ ตั้งแต่ Gen3 แต่สิ่งที่ต่างไปก็คือการเปลี่ยนจากพอร์ต Micro HDMI ไปเป็น HDMI เป็นสิ่งที่ดีมากๆสำหรับกล้องที่เน้นในงานวิดีโอ
โลเก้ Sony A7SIII พร้อม Multi Hotsoe สามารถใส่ไมค์โครโฟนที่รองรับสัญญาณแบบดิจิตอลได้ ซึ่งสัญญาณรบกวนจะน้อยกว่า
ปุ่มเดียวที่ได้ทำการปรับเปลี่ยนไปจาก Sony A7RIV นั้นก็การสลับปุ่มถ่ายวิดีโอ กับ C1 ทำให้การกดถ่ายวิดีโอนั้นง่ายขึ้น
ตัวการ์ดนั้นรองรับทั้งแบบ SD Card UHS-II และ CF Express Type-B โดยสามารถใส่ได้ทั้ง 2 อย่างในช่องเดียวกัน แต่ไม่สามารถใส่พร้อมกันได้
CF Express Type-A ในปัจจุบันในปี 2020 จะมีแค่ยี่ห้อ Sony เท่านั้น มีจำหน่าย 2 ความจุก็คือ 80 และ 160 GB ซึ่งหากเราใช้งานวิดีโอบิตเรตสูงๆนั้นเราก็ต้องใช้การ์ดตัวนี้เท่านั้น
แบตเตอรี่ใช้ Sony NP-FZ100 ความจุ 2200 mAh ทนพอสมควร
ลองใช้งาน
เมนูใหม่ ทำความเข้าใจก่อนใช้
สิ่งแรกเมื่อเราเข้าไปปรับกล้องเลยที่แตกต่างก็คือเมนูใหม่ เมนูตัวใหม่นี้เป็นแบบสัมผัสทั้งระบบ สามารถสัมผัสที่เมนูได้แล้ว ใครที่ใช้เมนูใหม่เหมือนผม ก็จะต้องปรับตัวพอสมควรในการใช้งาน เพราะมีการปรับตำแหน่งเมนูหลายๆตัวพอสมควร ทีมงานแนะนำว่าใครที่ได้กล้องมาแล้ว ให้ไปใส่สิ่งที่เราต้องเข้าบ่อยๆ ใน Favourite ครับ
วิดีโอเทพกว่าเดิม สมกับเป็นกล้องสายวิดีโอ
และอีกหนึ่งสิ่งปรับเปลี่ยนมากๆ และคนรอในซี่รี่ย์ S นั้นก็คือไฟล์วิดีโอนั้นเองโดยตัว Sony A7SIII มีไฟล์ 2 ฟอร์แมตใหม่ นั้นก็คือ XAVC-S-I เป็นการอัดแบบ Intra frame (All-I) ที่มีบิตเรตสูงสุด 500 MBit/s เลยทีเดียว ส่วน XAVC-HS จะเป็นการบีบอัดแบบ H.265 บิตเรตสูงสุด 200 MBit/s
ในงานวิดีโอหากเราต้องการคุณภาพไฟล์ที่ดีขึ้นไปอีก Sony A7SIII รองรับการใช้ External Recorder ได้ที่ 4K ที่ 60 FPS แบบ Raw File (ProRess Raw) ที่ 16 Bit ได้หาก External Recorder รุ่นนั้นรองรับ
ส่วนตัวแล้วนั้น จากการเอามาใช้งาน ฟอร์แมตที่ใช้มากที่สุดก็คือ XAVC-S แต่ใช้เป็น 4:2:2 10 Bit 140 Mbps ซึ่งให้คุณภาพที่ดี และสีที่ดีกว่ากล้องทั่วไป ในขนาดไฟล์ที่รับได้ เหมาะสำหรับคนที่เป็น Youtuber แล้วต้องการปรับแต่งไฟล์ง่าย แต่ได้คุณภาพสีระดับ 10 BIT
Silent ที่ Silent จริงๆ
อีกหนึ่งสิ่งที่ชอบมากๆในงานวิดีโอก็คือ Silent Mode Setting เพราะเป็นทำให้ทุกอย่างให้ไม่มีเสียง แม้เราจะกดอัดวิดีโอก็ตาม ซึ่งปกติกล้อง Sony นั้นถ้าเราเปิด Silent Shutter เวลาเรากดอัดวิดีโอก็ยังมีเสียงอยู่ดี
ภาพนิ่ง 12 ล้านพิกเซลเท่าเดิมแต่มีการเปลี่ยนแปลง
Sony A7SIII นั้นยังคงมากับเซนเซอร์ 12 ล้านพิกเซล ความละเอียดเท่ากับรุ่นเก่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่ก็เป็นเซนเซอร์ที่ดีกว่าเดิม สามารถรับแสงได้ดีขึ้นจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ทำให้สัญญาณรบกวนน้อยลง แถมยังมีระบบประมวลผล BIONZ-XR 2 ตัวเอาไว้สำหรับการคิด คำนวณข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการถ่ายวิดีโอได้
แถมยังมาพร้อมกับฟอร์แมตไฟล์ HEIF หากใครไม่คุ้นนั้นมันก็คือฟอร์แมตที่ใช้บนเครื่อง iPhone ในปัจจุบัน ข้อดีของไฟล์นี้ก็คือจะมีขนาดเล็กลงกว่าไฟล์ JPEG ธรรมดา ราว 30-40% แถมยังมี Chroma Sampling (การเก็บข้อมูลสี) ให้เลือกทั้ง 4:2:0 และ 4:2:2
ด้าน ISO ก็ไม่ได้ต่างจากรุ่นเดิมที่สามารถดันขึ้นไปสูงสุดได้ที่ 409600 แต่สิ่งที่ดีขึ้นคือ Native ISO ลงไปได้ถึง 80 ซึ่งปกติกล้องนั้นจะอยู่ที่ราว 100
ปรับสีตัวกล้องได้เยอะกว่าเคย
ด้านในปรับสีภายในตัวกล้อง ไม่นับพวก S-LOG2,3 และ HLG นั้นต้องบอกเลยว่ากล้องตัวนี้สามารถมีการปรับเปลี่ยนแปลงในตัว Creative Look (Picture Style) แล้วตัวเมนูก็สามารถปรับย่อยได้อีกพอสมควรเลยทีเดียว โดยตัว Creative Look นั้นเราสามารถปรับได้ดังนี่
- ST( Standard)
- PT (Portrait)
- NT (Natural)
- VV (VIVID)
- VV2 (VIVID2)
- FL
- IN
- SH
- BW (Black-White)
- SE (Spica)
โฟกัสแสงน้อย…. ดีครับดี
ระบบโฟกัสตัวนี้ได้ยกมาจาก Sony A7RIV ซึ่งแน่นอนว่ามีระบบโฟกัสที่เยี่ยมยอด รองรับการโฟกัสแบบ Eye-AF ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ แล้วยังรองรับการถ่ายดวงตาสัตว์ หรือ Animals Eye-AF อีกด้วย เท่าที่ลองมาก็ต้องบอกว่าความเร็วการโฟกัสไล่ๆกับ Sony A7RIV ซึ่งมีความเร็ว และแม่นยำ แต่ที่ดีกว่าก็คือในที่แสงน้อย
ร้อนไม่ร้อน…..
ทีมงานได้ลองนำกล้องมาถ่ายวิดีโอในสภาพอากาศปกติ ไม่ได้เปิดแอร์ อุณหภูมิราว 30 องศา โดยการถ่ายได้ราว 55 นาที จนเต็ม SD Card 64 GB พบว่าตัวกล้องมีอาการร้อนแบบถ่ายวิดีโอทั่วไป ไม่ได้มีอาการฮีทใดๆ ซึ่งทำให้ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าตัวกล้องจะไม่มีอาการฮีทหากเอากล้องไปใช้ได้หนักๆ
ช่อง FULL HDMI มั่นใจขึ้น สะดวกขึ้น
Sony A7SIII นั้นรองรับสาย HDMI แบบ Full Size เวอร์ชั่น 2.1 สิ่งที่เป็นประโยชน์ของสายแบบ FULL HDMI มากๆเลยก็คือปัญหาสายขาดในที่มีน้อยกว่า Micro HDMI อีกทั้งถ้าหากเกิดอุบัติเหตุระหว่างทำงาน เรายังสามารถหาสายได้ง่ายกว่าอีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆที่ Sony A7SIII ใช้แบบ Full Size
ระบบกันสั่น ดีขึ้นแต่ยังดีไม่พอ
ระบบกันสั่นของ Sony A7SIII นั้นเป็นกันสั่นแบบ 5 แกน เหมือนเดิม แต่สิ่งที่ดีกว่ากล้อง Sony A7 รุ่นอื่นเลยก็คือการที่มี Gyro Metadata เข้ามาในข้อมูลวิดีโอ ซึ่งจะเป็นข้อมูลการเคลื่อนไหวของเรา Gyro Metadata นั้นไม่ใช่สิ่งที่ใช้ตอนถ่ายวิดีโอ แต่เป็นสิ่งที่เอาไว้ทำในขั้นตอน Post Process ซึ่งโปรแกมที่รองรับในปัจจุบันก็คือ Sony Catalysis เป็นของโซนี่เอง และที่ผมลองแล้วใช้งานก็คือ Final Cut Pro (แต่โปรแกรม Sony เองจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า)
นอกจากตัว Gyro Metadata แล้วนั้น Sony A7SIII ก็ยังมีระบบกันสั่นแบบ Active ซึ่งจะคร็อปและจะทำให้วิดีโอนิ่งขึ้นอีกเล็กน้อย ตั้งแต่หลังกล้องเลย
ไฟล์ภาพนิ่งจาก Sony A7SIII… สีดีขึ้นนะ
Sony A7SIII นั้นก็ต้องเรียนกันตามตรงว่าเนื่องจากเวลาที่ได้มาพรีวิวน้อยมากๆ นั้นทำให้อาจจะไม่ได้ออกไปเก็บภาพได้น้อย แต่เท่าที่ลองนั้นสีที่ได้นั้นจะมีความใส เครียร์กว่า โดยภาพทั้งหมดที่ถ่ายมานั้นจะใช้เลนส์ Sony FE 24-70 mm f/2.8 GM ตัวเดียวเลยครับ
ภาพที่ ISO 128000
Sony A7SIII เป็นกล้องวิดีโอที่ทำคุณภาพออกมาได้ดี และคุณภาพสมราคามากๆ ที่สำคัญครบครันในตัวเดียว ระบบโฟกัสดี แบตเตอรี่ทน จอฟลิบได้ ยากที่จะหาตัวเทียบเมื่อเทียบเพียงแค่การทำงานในระบบ 4K เพียงอย่างเดียว ที่สำคัญตัวนี้ขจัดปัญหาที่เกิดขึ้นในรุ่นเก่าออกไปอย่างชัดเจน
สิ่งที่อยากให้ Sony ปรับปรุงอยู่เสมอคือระบบกันสั่นภายในตัวบอดี้ ในทุกๆรุ่นของเขา แม้ว่าจะตัวนี้กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่จะเป็นงานวิดีโอหากต้องการงานที่นิ่งจริงๆ ก็ต้องกิมบอล หรือขาตั้งหลักอยู่แล้ว มีการใช้ Handheld เป็นส่วนที่ไม่ได้เยอะมาก แต่ก็อยากให้ระบบกันสั่นภายในตัวบอดี้ดีกว่าแม้ทีมงานจะเข้าใจข้อจำกัดของตัวกล้องก็ตาม แต่ระบบ Gyro ก็ช่วยได้เยอะมาก แนะนำไปลองใช้ดูครับ
ใครที่จะเหมาะกับ Sony A7SIII นอกจากสายวิดีโอ? ก็ต้องบอกตามตรงว่าคือสายมือหมุน ที่ยังใช้เลนส์เก่าๆแบบ Manual อยู่ รวมไปถึงคนที่ชอบถ่ายดาว ต้องการ Low Light ดีๆ ตัวนี้ตอบโจทย์มากๆ ส่วนใครที่รู้สึกว่า 12 ล้านพิกเซลไม่พอต่อการใช้งาน ลองเบี่ยงเบนไปดู Sony A7RIV น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้ดีกว่ามาก
กล้อง Sony A7SIII เป็นกล้องที่อยากให้หลายคนได้ลองจริงๆ เพราะ Sony ได้เปลี่ยนจากรุ่นเก่าไปเยอะเหมือนกัน (ที่ทางที่ดี) แม้ว่าจะไม่ใช่สายวิดีโอก็ตาม ราคาของกล้อง Sony A7SIII นั้นอยู่ที่ 121,990 บาท ไม่ได้แพงจนเกินไปสำหรับสายวิดีโอเลย