วันนี้ Sony ได้เปิดตัวกล้อง Sony FX30 กล้องที่มาเจาะกลุ่มในตลาด Cinema เริ่มต้น ใช้งานง่าย จุดเด่นสำหรับผมอยู่ที่ 4K 120 FPS/ S-CineTone/ การมีออโต้โฟกัสที่ดีมาก/ เลนส์รองรับเกิน 100 ตัวโดยไม่ต้องใส่ Adapter แต่จุดเด่นที่อาจจะไม่ใช่สำหรับผมก็คือ Sony Cine EI แถมมีราคาที่สามารถจับต้องได้ เพราะมีราคาแค่ 83,990 บาท สาย Alpha อาจจะมองว่าแพง แต่สำหรับสาย Cine บอกเลยว่าจับต้องได้สุดๆ
เกริ่น
โดยเมื่อย้อนกลับไปในช่วง 2 ปีที่แล้วมา Sony เริ่มเข้ามากลุ่มตลาด Cinema ให้คนสามารถจับต้องได้ในปี 2563 หรือรุ่น Sony FX6 เพราะโดยปกติแล้วกล้องในระดับ Cinema จะเป็นกล้องที่สามารถใช้งานได้ยากมากๆ และต้องเป็นกลุ่มในระดับถ่ายหนัง แต่ในตัว FX6 เรียกได้ว่าเป็นกล้องที่ง่ายมากๆสำหรับอุตสหกรรมหนัง ที่มี Codec ที่ช่วยในงานทำงาน มี AutotFocus ที่กลุ่ม Cinema ไม่เคยมี มี Bulti ND Fliter ที่บอกเลยว่าตัวเดียวจบ แต่ขนาดก็ยังใหญ่อยู่
ผ่านไปไม่นาน Sony ก็ออกกล้องมาอีกรุ่น มาเป็นกล้องที่บอกเลยว่าทำให้คนสาย Videograhpy ที่ยังไม่ถึงระดับ Cinema รักและอยากได้นั้นก็คือ Sony FX3 ด้วยความเล็กของมัน แต่ยังคงได้ประสิทธิภาพที่ดี มีออฟชั่นที่เราสามารถใส่ XLR Handle มาได้ในกล่อง ในราคาแสนต้นๆ จนมาในวันนี้ที่ Sony ได้เปิดตัวออกมา FX30 ที่ย่อทุกอย่างมาอยู่ในบอดี้ APS-C แล้วได้ทุกอย่างแทบจะเหมือนกับรุ่นพี่นั้นเอง
บอดี้
บอดี้ของ Sony FX30 ใช้เป็นแมกนีเชียมอัลลอยทั้งตัว ที่เราให้เรามั่นใจได้อย่างมากในเรื่องความแกร่งของตัวนี้ สามารถใช้งานได้สมบึกสมบันมากๆ
ปุ่มของ Sony FX30 จะเป็นในลักษณะ FX3 ปุ่มมี Texture พอสมควร มี HotSoe แบบ Multi สามารถเสียบได้ง่าย และมีรูยึด XLR/RIG หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งอัน เรียกว่าเหมาะกับการนำไปเป็นกล้องแยกมากๆ
หน้าจอแสงผลตัวนี้ขนาด 3 นิ้ว ถ้าเราสังเกตุดีๆ จะพบว่าพวก info ทั้งหมดจะไม่อยู่บนหน้าจอของเฟรมวิดีโอเลย ซึ่งอันนี้เป็นข้อดีมากๆ เราจะได้เห็นเฟรมได้อย่างเต็มตา และไม่รก
ที่ใส่การ์ดตัวนี้จะรองรับ CF-Express Type-A และ SD Card UHS-II ในช่องเดียวกัน และมีมาให้ 2 ช่องในงานใช้งาน
พอร์ตตัวนี้ถ้าในงานตัวเล็กก็นับว่าเอามาให้ครบพอสมควร ตั้งแต่ Full Size HDMI/ ช่องไมค์โครโฟน/ช่องหูฟัง/ช่อง Type-C/ ช่อง Multi ส่วนช่องการ Sync TimeCode เราจะใช้สาย VNC-BNCM1 ราคาราว 2,700 บาท
โดยเช็ตที่จะขายไทยราคา 83,990 บาท จะมาพร้อมกับ XLR adapter ดังรูปครับ สามารถถอดออกมาใช้งานกับกล้องอื่นที่รองรีบ Multi HotSoe ได้
อันนี้คือตัวอย่างเวลาใช้งานกับ Sony A7IV สามารถใช้งานได้ปกติผ่านช่อง Multi HotSoe แต่จะไม่มีตัวล็อกให้อยู่กับบอดี้
Cine Ei คืออะไร
สำหรับกล้อง Sony โดยปกติแล้วนอกจากสี Standard หรือ Creative Look ที่เราใช้กัน ก็จะมีพวก S-CineTone/ S-Log3 ที่เราใช้กัน ซึ่งในตัวนี้สิ่งที่มันเพิ่มเข้ามานั้นก็คือ Cine EI โดยมันคือ Profile สีที่ช่วยมีขีดจำกัดในการรับแสงและได้คุณภาพที่สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งจะใช้กับกล้อง Sony รุ่นใหญ่ๆ รองรับการทำงานหลายกล้องได้ดีโดยจะมี Dual Base ISO (ISO ที่คุณภาพดีที่สุด) อยู่ที่ 800 และ 2500 และเจ้าตัว Cine EI จะมีให้เลือก 3 หมวด
- Fixable ISO – สามารถปรับ ISO ได้อิสระ
- Cine EI Quick เมื่อเราปรับ ISO มันจะพยายามดึงให้ใกล้เคียง Bass ISO ได้มากที่สุด
- Cine EI – สามารถปรับได้แค่ Base ISO เพื่อคุณภาพท่ีดีที่สุด
ส่วนตัวทีมงานจะเป็นสายภาพนิ่งเป็นหลัก อาจจะไม่ได้อธิบายได้ละเอียดมากนัก แต่ก็พยายามเล่าให้ใกล้เคียงที่สุดครับ
เทียบ
ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะมีคำถามว่าเราควรชื้อ Sony FX3 หรือ Sony FX30 ตัวใหม่นี้ดี ส่วนตัวแล้วบอกเลยว่าเป็นคำถามที่ จะบอกว่าตอบยากก็ยาก จะง่ายก็ง่าย
แต่สำหรับผมแล้วนั้น Sony FX30 จะเหมาะกับคนที่งบประมาณไม่สูง อย่างนักเรียน นักศึกษา ที่เรียนในสายนี้ ตัวนี้ก็ประหยัดงบไปได้เยอะ เพราะอย่างลืมว่าค่าเลนส์ APS-C ก็ถูกกว่าฟูลเฟรมมากโข เหมือนกัน คุณสามารถหาเลนส์นอกค่าย f/1.4 สักตัว งบจบก็ไม่ถึงแสน หรือเลนส์ในค่ายคุณภาพดีใน System APS-C /เลนส์นอกค่าย 2 ตัว ก็แสนหน่อยๆ ซึ่งคุณจ่ายราคานี้ คุณยังไม่ได้ FX3 ตัวนึงเลย
ส่วนอีกกลุ่มนึงก็คือ กลุ่มคนที่อยากได้กล้อง 2 คุณภาพทัดเทียบกล้องหลักไม่ว่าจะเป็น Sony FX3/FX6 หรือจะเป็น A7SIII ได้ด้านของคุณภาพ ผมว่าตัวนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย ได้กล้องถูกกว่า แถมได้ระยะสำหรับการถ่ายเจาะอีก ในราคาที่ 8 หมื่นนิดๆเท่านั้น ที่เหลือใช้ System เดิมทั้งหมด และมีอีกกลุ่มนึงที่ขาดไม่ได้คือกลุ่มถ่ายหลังแล้วใช้เลนส์ S35 ผมว่าตัวนี้ก็เหมาะ
ส่วน Sony FX3 ถ้าตามสไลค์ในงานเปิดตัวจะเหมาะกับ Compact for Grab and Shoot หรือคนที่ต้องการกล้องคุณภาพระดับ Cine ที่ทำงานได้เร็วๆตัวนึง ใช้งานคนเดียว Creator ที่ต้องการคุณภาพสูง LowLight ดีๆ ต้องการ FOV จากความเป็นฟูลเฟรม ตัวนี้ก็ต้องบอกว่าเหมาะมากๆครับ
ฉะนั้นจะให้ตอบว่าจะเลือกตัวไหนดี คงตอบยาก คงต้องดูการใช้งานของเราเป็นหลัก
สรุป
รวมๆแล้วกล้อง Sony FX30 นับว่าเป็นกล้องของฝั่ง Cine ตัวจริง สามารถทำงานได้ทุกอย่างที่สาย Cine ทำได้ เว้นช่องเสียบ SDI ไว้อย่างนึง แบบในรูปด้านบนที่เราสามารถใส่ Setting ถ่ายหนัง/ถ่าย MV และได้งานที่คุณภาพดีมากๆ
แต่ไม่ได้เหมาะอย่างผมที่เป็น Hybrid Shooter เลย ด้วยการออกแบบเมนู และฟีเจอร์ที่เป็นสายนั้นจริงๆ ใครที่เป็นเหมือนผมบอกเลยว่าไป A7SIII ใช้สนุกกว่าเยอะ แต่สำหรับสาย Cine ที่งบไม่มาก ต้องการ S35 แล้วต้องการ One Man Operate ตัวนี้เหมาะสุดแล้วครับ
เรื่องที่เด่นแล้วผมยังไม่ได้ลองแบบเต็มที่ก็จะมีการใส่ Lut เข้าไปในกล้องได้สูงสุดถึง 16 Lut วิดีโอที่รองรับถึง 4K 120 FPS ผมก็ไม่ได้ลองแบบจริงจัง การถ่ายสีต่างๆแบบจริงจัง ก็ถ้ามีโอกาสให้ลองจะลองให้ชมครับ
สิ่งที่อยากได้ของ Sony FX30 สำหรับผมคงหนีไม่พ้น เอาชุดที่ไม่มี XLR Haddle มาเถอะครับ (Sony ยืนยันอย่างแข็งกล้าว่าไม่เอาเข้ามาแน่ๆ) แม้ว่ากลุ่มลูกค้าที่ Sony อยากจะขายจะเป็นกลุ่มที่มีความจำเป็นต้องใช้ XLR สูง แต่ผมเชื่อว่าสายนี้ ใครอยากประหยัดก็อาจจะเอาเงินไปชื้อ Zoom H6 อัดแยกเอาในราคาประหยัดกว่าครึ่งหมื่น แต่ก็จะไม่สะดวกเท่าสำหรับคนใช้กล้องเดียว
อีกทั้งคนที่ไม่ใช่สาย Cine แบบจริงจังแต่ก็ถ่ายวิดีโอเป็นอาชีพ ก็อยากได้กล้อง APS-C สักตัวในงบประมาณที่ไม่สูงมากนัก มาเป็นกล้อง 2 ของ A7SIII และต้องได้คุณภาพไม่แย่ไปกว่ากล้องหลัก นอกเหนือจากตัว FX30 แล้วก็ไม่มีทางเลือกอื่น เว้นแต่ Sony จะออก A6700 (หรือตัวแทน A6600) ออกมาแล้วได้ 4K ขั้นต่ำ 60 FPS ผมเชื่อว่าคนกลุ่มหลังจะเฉยๆกับ FX30 ไปเองหลังเปิดตัวออกมา
ใครที่สนใจกล้อง Sony FX30 ก็สามารถสั่งจองสินค้าได้ที่โซนี่สโตร์ โซนี่สโตร์ออนไลน์ และร้านตัวแทนจาหน่ายที่ร่วมรายการ ใกล้บ้านท่าน สำหรับช่วงพรีออเดอร์ 7-16 ตุลาคม 2565 รับเพิ่ม CF-Express Type-A 160 GB ไปเลย ในราคา 83,990 บาท