Fujifilm เป็นแบรนด์กล้องที่ผู้ใช้งานและสื่อต่าง ๆ ต่างให้การยอมรับในเรื่องของการพัฒนาสินค้าของตัวเอง ตามความต้องการของลูกค้าครับ หากมองย้อนกลับไป Fujifilm ได้นำกล้อง X-A1 ซึ่งเป็นกล้อง Mirrorless ที่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ซึ่งในยุคนั้น ก็ต้องยอมรับว่ากระแสของ DSLR ยังคงมีบทบาทในตลาดกล้องทั้งไทยและทั่วโลกเป็นอย่างมาก
ซึ่ง Fujifilm ได้พิสูจน์ตัวเองในเรื่องของคุณภาพของกล้องและระบบเลนส์ X-Mount มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ต้องบอกได้เลยว่าน้อยคนนักที่จะไม่ได้รับรู้ถึงกระแสกล้องรุ่นต่อไปจากรุ่นแรกอย่าง Fujifilm X-A2 กล้องที่ Fujifilm ได้พัฒนาให้สามารถพับจอมาเซลฟี่ได้ พร้อมกับสีผิวที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก นั้นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีของ Fujifilm และกับตลาดกล้องประเทศไทย
แต่แน่นอนว่าเทคโนโลยีของกล้อง Mirrorless ใน 10 ปีที่ผ่านมา ก็เรียกได้ว่าทุกค่ายกล้อง ก็ต้องพยายามพัฒนาอย่างสุดความสามารถ สำหรับในบทความนี้ ทีมงานจะมาพูดถึงกล้องรุ่นนึง ที่เรียกได้ว่า หลังจากที่ได้ฟังถึงฟังก์ชั่นและความสามารถของมันแล้ว ก็สัมผัสได้เลยจริง ๆ ว่า Fujifilm ได้ฟังความต้องการของลูกค้า แล้วเอามาใส่ในรุ่นนี้ให้ครบเลยนี้แหละครับ ถามว่ามันครบยังไง?
- มีช่องมองภาพ EVF
- มีจอพับได้แบบด้านข้างสัมผัสได้ เซลฟี่ ถ่ายวิดีโอ สบาย ๆ
- มีระบบโฟกัสที่จับใบหน้าและดวงตา ใช้ได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ! (มีมาให้ในกล้องราคาระดับนี้แล้ว)
- มี Joy Stick
- มีโหมด Smart Beautiful Skin Tone หน้าเนียนสวย ๆ
- มีช่องเสียบไมค์ 5 mm. หรือจะเสียบช่องหูฟังก็ได้ผ่านตัวแปลง
- มีวิดีโอ 4K
- มี Slow Motion 120 FPS
- มี วิดีโอ HDR
- มี HDMI ออกได้แบบ Clean HDMI
- มี Film Simulation ขึ้นชื่อของฟูจิฟิล์มอย่าง Classic Chrome
- มีกริ๊ปที่จับถนัดขึ้น
- มีเลนส์ซูมไฟฟ้าแล้ว
- มีสองปุ่ม fn และ 3 Dialsมีชาร์จด้วยช่อง Type-C ใช้ Powerbank ได้ (แต่ชาร์จไปใช้ไปไม่ได้นะครับ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย Fujifilm ให้ความสำคัญส่วนนี้มากครับ)
- มีเลนส์ 35 mm. f/2 ที่ราคาถูกเพียง 7,990 บาท
- มีระบบเชื่อมเข้ามือถือทั้ง Bluetooth และ Wifi
เมื่อก่อนเวลาจะซื้อกล้องมักจะได้ยินว่า กล้องรุ่นนี้วิดีโอดีแต่เสียบไมค์ไม่ได้ กล้องนี้พับจอมาเซลฟี่ไม่ได้ กล้องรุ่นนี้เสียบหูฟังไม่ได้ กล้องรุ่นนี้ไม่ Clean HDMI หรือจอดีแล้วนะ แต่ขาด EVF ไป! ซึ่ง Fujifilm X-T200 รุ่นนี้ให้มาที่ไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไร
เรียกได้ว่าเป็นกล้องที่มาสายกลาง ให้ฟังก์ชั่นที่ครบมาก จะภาพนิ่ง จะวิดีโอ จะเอาไปทำไลฟ์ ทำได้หมด แต่แน่นอนว่าฟังก์ชั่นต่าง ๆ อาจจะไม่ได้ดีที่สุดด้วยราคาและระดับรุ่น แต่ถ้าว่าพอไหม ตอบโจทย์ไหม มาฟังการใช้งานจริงกันครับ ทีมงาน ThePeakFoto จะมาเล่าให้ฟังครับ
มาเริ่มกันที่รอบบอดี้ก่อนเลย สำหรับ Fujifilm X-T200 เป็นกล้องที่มีขนาดที่เล็ก ไม่ใหญ่ครับ พกใส่กระเป๋าได้อย่าง ๆ สบาย ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะกังวลถึงว่าจะจับถนัดไหม ก็ต้องบอกเลยว่าในรุ่น X-T200 ได้ปรับกริ๊ปให้ใหญ่ขึ้นและลึกขึ้นแล้ว ถึงแม้จะเป็นกล้องที่เล็ก แต่น้ำหนักที่เบา ทำให้ไม่รู้สึกมีปัญหาอะไรกับการจับถือมากนักหากใช้กับเลนส์ที่ไม่ใหญ่มาก
อีกหนึ่งไฮไลต์ของการออกแบบกล้องในตระกูลนี้ นั้นก็คือ การที่ฟูจิฟิล์ม ลดขนาดด้านข้าง และเพิ่ม ขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้น พร้อมอัตราส่วนแบบ 16:9 ที่ทำให้การถ่ายวิดีโอนั้น แสดงผลได้อย่างเต็มจอ และมาพร้อมกับระบบสัมผัสที่ใช้งานได้ทุกระบบ จะสัมผัส ปรับค่า เปลี่ยนเมนู คุณภาพติดนิ้วมาก ๆ ครับ หรือจะเป็นช่องมอง EVF ที่มีความคมชัด แต่ไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่มากด้วยขนาดกล้อง แต่เป็นสิ่งที่มีไว้จะเป็นประโยชน์มาก โดยเฉพาะการถ่ายภาพในที่แสงจ้า มองจอลำบาก ช่องมองภาพจะช่วยชีวิตไว้ได้เยอะมาก ๆ ครับ
มุมต่ำมุมสูง จอพับขึ้นลงได้ ช่วยให้การถ่ายภาพได้ง่ายยิ่งขึ้น และได้ภาพตามที่ต้องการ
หรือ Joy Stick ที่ปกติจะอยู่ในรุ่นบน ๆ ก็ใส่เข้ามาให้กับรุ่นนี้ด้วยครับ ช่วยในการปรับเปลี่ยนจุดโฟกัสต่าง ๆ หรือเปลี่ยนเมนูได้อย่างสะดวก ๆ มาก ในด้านการควบคุมตัวกล้องนั้น X-T200 เป็นกล้องที่เน้นการใช้งานผสมระหว่างการกดปุ่มและใช้ระบบสัมผัสกดที่หน้าจอ ตัวกล้องมาพร้อมกับปุ่ม fn ถึงสองปุ่ม ซึ่งเราสามารถตั้งค่าปุ่มให้ทำงานหน้าที่อะไรได้อย่างอิสระ และเห็นกล้องเล็กแบบนี้ได้ Dial ถึง 3 Dials ด้วยกัน!
ปรับค่าก็ง่าย ถ้าไม่อยากคิดเยอะ ในโหมด SR+
โหมด SR+ เป็นโหมดท่ีออกแบบมาให้การถ่ายนั้น ง่ายขึ้นไปอีกครับ โดยที่เราไม่ต้องทำความเข้าใจกับค่ากล้องต่าง ๆ เลย เหมาะสำหรับมือใหม่หรือคนที่กำลังหัดถ่ายภาพเป็นอย่างมาก โดยเราสามารถปรับความสว่าง ปรับหน้าชัดหลังเบลอ ปรับความเนียนของภาพ ปรับ Film Simulation หรืออัตราส่วนภาพ ซึ่งรวมมาให้ภาพเดียวและพรีวิวภาพให้ดูในระหว่างการเปลี่ยนค่าด้วยครับ จุดนี้ยิ่งทำให้การถ่ายภาพง่ายยิ่งขึ้น หรือโหมดลัดอย่าง Q ก็ยังมีนะครับ และโหมดถ่ายภาพ P S A M พาโรนาม่า โหมดกลางคืนต่าง ๆ ก็ยังมีอยู่ครบเหมือนเดิม
ในด้านภาพนิ่ง ก็ต้องบอกว่าเอกลักษณ์ของ Fujifilm ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะจุดเด่นของสีภาพ ที่ให้คาแร็คเตอร์ได้ตามใจที่เราปรับภายในกล้อง
รวมไปถึงการจัดการสิ่งรบกวนอย่าง Noise ที่ถึงแม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้น Noise ของภาพบน 1600-3200 ยังถือว่าเนียน ไม่มีจุดรบกวนมากนัก แต่ถ้ามากกว่านั้นก็จะเริ่มขึ้นมาให้เห็นบ้าง ซึ่งเป็นปกติของการถ่ายภาพ ยิ่งกับเซ็นเซอร์ APS-C ในรุ่นนี้ยังสามารถโฟกัสในที่มืดได้ถึง -2.0 EV ซึ่งถ่ายกลางคืนก็ยังหาโฟกัสได้ครับ และสำหรับเลนส์ Kits 15-45 f/3.5-5.6 ซึ่งเป็นรุ่นอัพเกรดที่มีมุมที่กว้างกว่ารุ่นก่อนหน้านั้นเล็กน้อย มีขนาดที่เล็กลง และยังได้เปลี่ยนมาใช้เป็นซูมไฟฟ้าซึ่งช่วยให้การซูมนั้นสมูธยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับงานวิดีโอ
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย นั้นก็คือเลนส์รุ่นใหม่อย่าง 35 mm. f/2 ที่ Fujifilm Thailand เคาะราคาออกมาเพียง 7,990 บาทเท่านั้น! เมื่อก่อนเลนส์ 35 mm. f/1.4 ถือว่าเป็นเลนส์ระยะยอดฮิตมาก ถึงกับขาดตลาดไปช่วงนึงเลยครับ และราคาก็อยู่ในระดับหมื่น กลาง ๆ แต่สำหรับเลนส์รุ่น 35 mm. f/2 นั้นได้รับการพัฒนามาด้วยชิ้นเลนส์ที่มีคุณภาพเหมือนเดิม แต่ลดคุณภาพของวัสดุ แต่ในเรื่องของการใช้งานจริงนั้น ต้องพูดถึงว่าเลนส์ในตระกูล f/2 ของ Fujifilm ให้การโฟกัสที่รวดเร็วและนิ่งเงียบ ทำให้เหมาะกับทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ ที่สำคัญขนาดมันเล็กมากครับ!อีกหนึ่งไฮไลต์ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย นั้นก็คือเลนส์รุ่นใหม่อย่าง 35 mm. f/2 ที่ Fujifilm Thailand เคาะราคาออกมาเพียง 7,990 บาทเท่านั้น! เมื่อก่อนเลนส์ 35 mm. f/1.4 ถือว่าเป็นเลนส์ระยะยอดฮิตมาก ถึงกับขาดตลาดไปช่วงนึงเลยครับ และราคาก็อยู่ในระดับหมื่น กลาง ๆ แต่สำหรับเลนส์รุ่น 35 mm. f/2 นั้นได้รับการพัฒนามาด้วยชิ้นเลนส์ที่มีคุณภาพเหมือนเดิม แต่ลดคุณภาพของวัสดุ แต่ในเรื่องของการใช้งานจริงนั้น ต้องพูดถึงว่าเลนส์ในตระกูล f/2 ของ Fujifilm ให้การโฟกัสที่รวดเร็วและนิ่งเงียบ ทำให้เหมาะกับทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ ที่สำคัญขนาดมันเล็กมากครับ!
ด้วยระยะ 35 mm. f/2 แน่นอนครับ ต้องเอามาถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งระยะนี้กับ APS-C พอคูณเทียบแล้ว ก็เป็นระยะที่ถ่ายภาพบุคคลกำลังสนุก ผู้ชายก็ชอบ ผู้หญิงนี้ยิ่งรัก ถึงแม้ค่ารูรับแสง f/2 จะไม่ได้กว้างมากนัก แต่การละลายหลังและความคม ที่สำคัญความง่ายของมัน เป็นหนึ่งเลนส์ที่ต้องมีไว้แน่ ๆ ครับ ยิ่งติดกับ X-T200 กลายเป็นเซ็ทละลายหลังที่เล็กมาก ๆ
ไอเดียการถ่ายภาพด้วย Film Simulation
อยากได้สีสด ๆ เพื่อให้ภาพดูโดดเด่น หรือ อย่างในภาพตัวอย่างที่ใช้เงาของภาพเป็นตัวตัดกับสีของกรวยและพี่เจ้าหน้าที่ ซึ่งใช้ Vivid (สีสด)ให้ภาพสีสดขึ้น โดยภาพเป็นภาพจากหลังกล้องไม่ได้ปรับแต่งเพิ่มเติมซึ่งสีสดนี้ หากนำเอาไปถ่ายกับอาหารก็ยิ่งน่ากินยิ่งขึ้นครับ
หรืออย่างสุดฮิต Classic Chrome ที่ให้สีเหมือนฟิล์มสมัยก่อน เดินถ่ายเล่นสีสวยจากหลังกล้องเป็นเอกลักษณ์เลยครับ ในส่วนของการปรับ JPEG อื่น ๆ อย่าง H Tone S Tone Color หรือ Sharp ก็ปรับง่าย ๆ อยากได้ไฟล์แบบไหน เจ้าของกล้องเลือกเองได้เลย!
เซลฟี่ยังเป็นเรื่องที่ Fujifilm ให้ความสำคัญ พร้อมระบบโฟกัสใบหน้าและดวงตา สำหรับการเซลฟี่ของกล้อง Fujifilm X-T200 ก็มาพร้อมกับตัวช่วยด้านการเซลฟี่มากมาย โดยเฉพาะระบบการโฟกัสที่ใบหน้าและดวงตาที่ช่วยให้การเซลฟี่มั่นใจได้เลยว่าตัวกล้องจับโฟกัสที่ใบหน้าแน่นอน และแน่นอนว่ายังมาพร้อมกับ Portrait Enhancer ที่เป็นการปรับความเนียนของใบหน้า อยากได้เนียนมากเนียนน้อย และการที่มาพร้อมกับจอด้านข้าง ทำให้เห็นภาพได้อย่างเต็มตาและสัมผัสได้ง่าย ๆ ครับ ทำ VLOG ทำ Live ได้อย่างลงตัว
Fujifjilm X-T200 เป็นกล้องที่ให้ความสำคัญกับการทำ VLOG เป็นอย่างมากครับ โดยที่มีสเปคที่สนับสนุนหลายอย่าง อย่างการต่อไมค์ได้ จอพับด้านข้าง ระบบกันสั่น ระบบโฟกัสใบหน้าและดวงตา ซึ่งทำให้กล้องรุ่นนี้สามารถนำไปทำ VLOG ได้อย่างสบาย ๆ นอกจากนั้น HDMI ของกล้อง X-T200 ยังเป็นแบบ Clean HDMI ซึ่งสามารถต่อเข้าคอมเพื่อทำการ Live โดยไม่มีค่าต่าง ๆ ติด
วิดีโอครบเครื่อง 4K มีกันสั่น ถ่าย Slow Motion ก็ได้ Live ก็ได้
ฟังก์ชั่นพื้นฐานด้านวิดีโอ ก็มีความสามารถหลาย ๆ อย่าง อย่างการถ่ายวิดีโอ 4K 30fps ได้นาน 15 นาที ซึ่งเริ่มเป็นความละเอียดมาตรฐานในปัจจุบันที่ให้ความคมชัดที่สูงมาก ในส่วนของระบบกันสั่น ที่ Fujifilm ได้พัฒนาขึ้นมาใหม่ ในสองรูปแบบ แบบที่หนึ่งคือ Digital Image Stabilizer เป็นการใช้ระบบกันสั่นแบบดิจิตอลมาช่วยให้วิดีโอนิ่งยิ่งขึ้น ซึ่งจากการทดลองนิ่งขึ้นจริง ๆ ครับ ยิ่งใช้กับเลนส์ที่มีระบบกันสั่นหรือ OIS แล้วก็สามารถช่วยลดอาการสั่นไหวได้จริง และแบบที่สอง Digital Gimbal เป็นระบบกันสั่นสำหรับซีนที่เคลื่อนไหวหนัก ๆ อย่างการเดิน ซึ่งใช้ซอฟแวร์เข้ามาคำนวณ พร้อมกับการ Crop ของวิดีโอ ซึ่งต้องใช้กับเลนส์ที่รองรับ ซึ่งทีมงานลองใช้กับเลนส์ Kits สามารถลดอาการสั่นไหวไปได้เยอะมาก แต่ต้องแลกมากับเสียความกว้างของวิดีโอไป และ ความเนียนที่ไม่ได้เป๊ะ 100%
ในส่วนของการถ่าย Slow Motion ซึ่งรองรับได้สูงสุดที่ Full HD 120 Fps สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับหลาย ๆ งานได้ เช่นการถ่ายวิดีโอสินค้า ให้ได้ซีนสวย ๆ หรือการถ่ายวิดีโอบุคคล ที่ต้องการให้มีความแตกต่างกับวิดีโอทั่ว ๆ ไป
สำหรับการ Live นั้นกล้อง Fujifilm X-T200 มาพร้อมกับช่อง MINI HDMI ที่เป็น Clean HDMI ทำให้สามารถที่จะไลฟ์ได้สบาย ๆ ไม่มีข้อมูลต่าง ๆ ติดเข้าไป ร่วมถึงเราสามารถปรับ Film Simluation ในเรื่องสีต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้การไฟล์สีสวยตามที่้เราต้องการครับ
ต่อไมค์ ต่อหูฟังได้
X-T200 สามารถต่อไมค์แยกได้ผ่านช่อง 3.5 mm. ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐาน และในชุดขายยังมาพร้อมกับตัวแปลง Type-C to 3.5mm ซึ่งสามารถเสียบหูฟัง เพื่อมอนิเตอร์เสียงได้ เรียกได้ว่าครบจริง ๆ ครับ นอกจากนั้นการตั้งค่าของเสียงยังให้ระบบที่ไม่ได้ลดสเปคลงแต่อย่างได้ สามารถตั้งความดังของเสียง ตั้ง limiter ป้องกันเสียงเกิน ตั้ง Wind Filter ช่วยลดเสียงลม หรือ Low Cut Filter ช่วยตัดเสียงย่านต่ำออกไป
สรุป กล้อง Fujifilm X-T200 ยังคงเป็นกล้องที่ให้จุดเด่นของ Fujifilm ในหลาย ๆ เรื่อง อย่างคุณภาพไฟล์ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ การใช้งานที่ง่าย ปรับแต่งค่าได้ง่าย มีเลนส์ราคาไม่แพงคุณภาพสูงให้มาใช้ครับ แต่ในรุ่นนี้ Fujifilm ก็เติมเต็มในส่วนของงานวิดีโอเข้ามา โดยที่ไม่ได้กั๊กใด ๆ ทั้งเรื่องของช่องเสียบไมค์แบบ 3.5 mm. ชอบต่อหูฟังผ่านตัวแปลง วิดีโอ 4K การโฟกัสที่ใบหน้า ระบบกันสั่นหลายแบบ วิดีโอ HDR วิดีโอ Slowmotion ซึ่งเรียกได้ว่าให้มาครบแบบไม่ได้มีข้อสังเกตใด ๆ ซึ่งเข้ากับกล้องระดับเริ่มต้น-กลาง ที่หลาย ๆ คนต้องการกล้องตัวเดียวที่จบงานทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างอาชีพใหม่ ๆ เช่น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ Content Creator ที่ต้องการทั้งงานภาพนิ่งและงานวิดีโอ ตัวนี้ก็ตอบโจทย์มาก ๆ ครับ สำหรับข้อสังเกตนั้น ด้วยฟังก์ชั่นที่มากมายขนาดนี้ แต่แบตยังคงเป็นรุ่นเดิมรวมไปถึงบอดี้ที่มีขนาดไม่ใหญ่ ซึ่งหากนำไปใช้งานหนัก ๆ ก็อาจจะหมดเร็วได้ และสำหรับงานกลางแจ้งนาน ๆ ตัวกล้องอาจจะ heat ขึ้นได้ แต่พักสักแปปก็กลับมาทำงานได้ครับ
ส่อง 9 จุดเด่นด้านวิดีโอของ Fujifilm X-T200 รองรับ Clean HDMI เสียบไมค์ได้ พร้อมหน้าจอพับเซลฟี่ได้!