เป็นธรรมเนียมของ Apple ในช่วงหลังๆ จะพบว่า Apple จะเปิด iPhone รุ่นใหม่ในช่วงต้นเดือนกันยายน ชึ่งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา Apple ก็เปิดตัว iPhone 6s / 6s Plus ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชึ่งถือเป็นปีที่ 9 แล้วที่เปิดตัวออกมา โดยรอบนี้เป็นคิวของรุ่น “s” ชึ่งเป็น iPhone รุ่นที่อัพเกรดประสิทธิภาพภายในมากกว่าที่จะปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอก และ มักจะใส่ สิ่งพิเศษๆ ที่เปลี่ยนแปลงโลกมาให้เสมอ โดยปีที่ Apple เลือกให้ iPhone 6s เป็น 3D touch
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงสำคัญของรุ่นใส่ “s”
- iPhone 3G>3Gs = App store
- iPhone 4>4s = Siri
- iPhone 5>5s = Touch ID
- iPhone 6>6s = 3D Touch
สเปค iPhone 6s แบบละเอียด
- ชีพียู A9 พร้อมสถาปีตยกรรม 64 บิต และ M9 สำหรับประมวลการเคลี่ยนไหว
- Ram 2 GB
- หน่วยความจำ 16,64,128 GB
- หน้าจอ retina HD พร้อม 3D Touch ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334×750 พิกเซล
- กล้องความละเอียด 12 MP ขนาด 1.22µ, f/2.2
- กล้องหน้าความละเอียด 5 MP f/2.2
- วิดิโอ 4K (3840×2160) ที่ 30 เฟรมต่อวิ , Full HD (1920×1080) ที่ 30 และ 60 เฟรมต่อวิ, HD (1280×720) ที่ 30 เฟรมต่อวิ สำหรับกล้องหลัง และ HD (1280×720) ที่ 30 เฟรมต่อวิ สำหรับกล้องหน้า
- แบต 1715 mAh
- LTE Advanced ความเร็ว 300/50 Mbps, Wifi มาตรฐาน A/B/G/N/AC พร้อม MIMO ที่ความเร็ว 866 Mbps
- Bluetooth 4.2, NFC
- Nano Sim
- การเล่นเสียง ACC, HE,ACC, MP3,MP3 VBR, Audible,Apple Lossless, AIFF และ WAV
- เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ Touch ID,บารอมิเตอร์,Gyro 3 แกน,ระบบปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ
- เชื่อมต่อผ่าน Lightning cable
- ขนาด 138.3 x 67.1 x 7.1 ชม.(ยาวxกว้างxหนา)
- นำ้หนัก 143 กรัม
ราคา iPhone 6s / 6s Plus
- iPhone 6s 16 GB – 26,500 บาท
- iPhone 6s 64 GB – 30,500 บาท
- iPhone 6s 128 GB – 34,500 บาท
- iPhone 6s Plus 16 GB – 30,500 บาท
- iPhone 6s Plus 64 GB – 34,500 บาท
- iPhone 6s Plus 128 GB – 38,500 บาท
อ้างอิง Apple Online Store วันที่ 29 ตุลาคม 2558
แกะกล่อง iPhone 6s
ตัวเครื่อง iPhone 6s ที่ผมสั่งมานั่นเป็น iPhone 6s สีเทาดำหรือ Space Gray ชึ่งเป็นสีแรกที่ iPhone ผลิตขึ้นมา และ ยังเป็นที่นิยมของผู้ใช้งานจนถึงปัจจุบัน เพราะ สีดำนั้น ดูแลรักษาง่าย เวลาอ่านเยอะๆ ไม่ลายตา เท่า ด้านหน้าสีขาว, อุปกรณ์ของ iPhone 6s นั้นก็จะมีเป็นปกติของ iPhone ทุกรุ่น
อุปกรณ์ในกล่อง iPhone 6s
- ตัวเครื่อง iPhone 6s
- ที่ชาร์จ 5w (ตามท้องถิ่น)
- EarPod
- สาย Lightning ความยาว 1 เมตร
- ที่จิ้มชิม
- คู่มือเบื้องต้น
Body-บอดี้
iPhone 6s ทำมาจากอลูมิเนียม เวอร์ชั่น 7000 ชึ่งถือว่าเรียกได้ว่า หมดคำว่า iPhone งอได้ไปเลย แต่หากมองไปที่ตัวเครื่องจริงๆ นั้นจะพบว่า iPhone 6s (และ 6s Plus) แทบไม่ต่างจากตัวเก่าเลย ถึงแม้ว่า iPhone 6s ตามสเปคในเว็บ Apple นั้นจะบอกว่า iPhone 6s (และ 6s Plus) จะใหญ่กว่าในหลัก 0.x มม. แต่หากลองใช้งานจริงแล้ว แทบจะไม่รู้สึกเลย ทำให้ทีมงานกล้าการันตีว่า เคส iPhone 6 (และ 6 Plus) เก่าสามารถใช้งานได้ว่า 95% ยกเว้นที่ฟิตจริงๆ ส่วนในเรื่องนำหนักของตัวเครื่องต้องยอมรับว่าหนักกว่าเดิม (แบบรู้สึกได้) ราวๆ iPhone 6 ที่ใส่กระจกกันรอยที่หนากว่า 0.3mm. (129>143g. ใน iPhone 6 จอ 4.7 นิ้ว และ 172>192g. ใน iPhone 6 จอ 5.5 นิ้ว)
หากจะจ้องจับเฉพาะ Body เพียงอย่างเดียวจะพบว่าดีเพียงตัว s ด้านหลังเท่านั้นที่ จะทำให้รู้ว่าเป็น iPhone 6s
การจับถือ/ควบคุม
ด้านการจับถือของ iPhone 6s นั้นหากไม่ใส่เคสนั้นก็ต้องขอบอกว่า มันใหญ่ และ บางจริงๆครับ แต่หากใช้งานจริงแล้ว พบว่ามันใหญ่เกินไปสักหน่อยสำหรับการควบคุมหลายโปรแกมอย่างเช่นกล้อง และ กลับรู้สึกเล็กไปเล็กน้อยเมื่อพิมพ์ใช้เวลานานๆ อาจจะเป็นเพราะเมื่อเทียบกับ iPhone จอ 4 นิ้วนั้น ความกว้างแทบไม่ต่างครับ (ผมใช้ iPhone 5s,5c ไม่ได้ชื้อ iPhone 6 มาใช้)
สำหรับจอใหญ่ของ iPhone 6s นั้น Apple ถือว่าคิดมาดีมากสำหรับการใช้งาน อย่างเช่นการสัมผัสปุ่ม Home เบาๆ 2 ครั้งเพื่อเลื่อนหน้าจอลงมาด้านล่าง ให้เหลือครึ่งเดียว แต่จากประสบการณ์นั้นแทบจะลืมไปเลยว่ามันมี และ หากจำได้และลองใช้ดูก็พบว่ามันอาจจะช้าไปสักหน่อยสำหรับการควบคุมจนในบางครั้งผมชอบขยับมือเพื่อไปสัมผัส เมนูด้านบนมากกว่า
ด้านปุ่มกดนั้น Apple ทำมาค่อนข้าง Make Sense เลยทีเดียว เพราะได้ย้ายปุ่ม Sleep มาอยู่ด้านขวา เวลาใช้งานมือเดียว ถือว่าสะดวกมากทีเดียว แต่สำหรับคนนิ้วสั้นก็มักจะเจอปัญหาการเปิด/ปิดเสียง สำหรับปุ่มด้านข้างอยู่ดีเพราะมันสูงเกินไปสำหรับการใช้งานมือขวา
กล้องที่ดีกว่าเคย
กล้อง iPhone 6s นั้นถือว่าพัฒนาในด้านการเก็บรายละเอียดได้ดีขึ้นโดยเฉพาะในช่วงมึด สว่าง โดยเป็นผลพวกจากกล้องความละเอียด 12 MP ที่เพิ่มความละเอียดมากว่าตัวเดิมถึง 50% จาก 8 MP (ใน 4s ถึง 6) นอกจากนั้น iPhone 6s นั้นยังมีชอร์ฟแวร์ที่โฟกัสรวดเร็วและฉลาดมากขึ้นในหลายๆด้านอีกพอสมควร ในส่วนของกล้องหน้าสำหรับผมยังรู้สึกผิดหวังเล็กๆ ถึงแม้ว่ากล้องจะพัฒนาความละเอียดไปพอสมควร แต่ Detail กลับมีมากขึ้นไม่มากนัก ด้านของความกว้างของเลนส์ก็แทบไม่ต่างจากตัวเดิมเช่นกัน อย่างไรแล้วทั้งกล้องหลังคนทั่วไป ในรูปปกติแทบไม่เห็นถึงจะเห็นความแตกต่างจากตัวเก่าๆเลยยกเว้นถ่ายในที่แสงน้อย ในส่วนกล้องหน้าคนทั่วไปยังรู้สึกได้ว่ามีการพัฒนาขึ้น
สิ่งที่ Apple นำเสนอ iPhone 6s อีกอย่างนั้นคือ Live Photo ชึ่งเป็นการนำภาพก่อนและหลังถ่าย 1.5 วิมาประกอบเป็นรูปเดียว ชึ่งในการถ่ายทั่วไปนั้นแทบไม่จำเป็นเลย ยกเว้นกลัวพลาดก็สามารถเปิดไว้ได้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ครับ
(รูปจาก iPhone 6s โดยไม่ปรับแต่งเพียงใส่โลโก้และปรับขนาดให้เล็กลง)
รูปจาก iPhone 6s แบบไม่ย่อขนาด (ที่นี่)
Retina Flash
คือแสงหน้าจอที่เร่งเข้ามาเวลาใช้งานกล้องหน้าในที่แสงสว่างน้อยๆ เมื่อใช้งานแล้ว มีลักษณะเหมือนยิงแฟลชใส่ จากการทดลองใช้งานพบว่าช่วงในการถ่ายเชลฟี่มากพอสมควร แต่ทางทีมงานยังคิดว่าแสงที่ส่องออกมานั้นจะไม่ปรับตามสภาพแสงให้ดีพอเท่าไหร่นัก จนในบางครั้งหน้าจะดูแข็งเกินไป แต่ Apple ก็ได้แก้โดยตัว Software ในบางครั้งที่เชลฟี่ไปหลายสถานนะการณ์ก็จะเปลี่ยนสีหน้าจอเป็นจอครีมแทน เพื่อให้ดูเนียนขึ้นในบางครั้ง
4K Video
ในส่วนของวิดิโอของ iPhone 6s นั้นหากมองในแง่ผู้ใช้ทั่วไปแล้วต้องยอมรับเลยว่า โฟกัสได้สมูธกว่าตัวเก่าที่ผมใช้พอสมควรเลย แต่ในแง่ของผู้ใช้งานแบบหนักๆ Apple ก็ออกมารองรับเช่นกันอย่าง วิดิโอ 4K ที่เหมือนนำรูปขนาด 8 MP มาเรียงกัน 30 รูปใน 1 วิ โดยรวมเมื่อถ่าย 4K ยังไม่พบความร้อนมากนัก
Touch ID ที่เร็วขึ้นมาก
Touch ID เวอร์ชั่นใหม่ใน iPhone 6s (และ 6s Plus) นั้นต้องยอมรับว่าเร็วมากจริงๆ ครับเพียงแต่แตะตรงปุ่ม Home ก็แทบจะ Unlock แล้วเร็วจนไม่สามารถดูการแจ้งเตือนใดๆได้เลยครับ ตอนนี้หากต้องการดูการแจ้งเตือนผมต้องกดปุ่ม Sleep แทนปุ่ม Home
CPU A9 เร็วกว่าที่เคย
พูดถึง iPhone 6s ที่เรารีวิวกันอยู่ iPhone 6s นั้นมาพร้อมกับ CPU A9 ชึ่งเป็นตัวแรงที่สุดในฝั่งมือถือของ Apple มาพร้อม CPU Duo core และ Ram 2 GB (น้ำตาไหลรอมานานมาก)
ตัวเครื่อง iPhone 6s มีคะแนน Antutu อยู่กี่ราวๆ 58,000 คะแนนชึ่งถือว่าสูงมาก แต่หากเทียบกับคู่แข่งฝั่ง Android ก็อยู่ราว Snapdragon 810 ครับ (S6,S6 Edge,S6 Edge+, Note 5 ราวๆ 65,000 และ Snapdragon 808 อยู่ราวๆ 45,000) แต่หากเทียบกับ iPhone ตัวก่อนหน้านี้อย่าง iPhone 6 (และ 6 Plus นั้น) คะแนนอยู่ที่ราว 48,000 ก็ถือว่าพัฒนาขึ้นมาพอสมควรครับ แต่สิ่งที่คำคัญกว่านั้นคือเรื่อง “แรม” ครับ ตั้งแต่ iPhone 5 แอปเปิ้ล ก็ได้อัพเกรดเป็น 1 GB จนถึง iPhone 6s ก็ได้อัพเกรดเป็น 2 GB ชึ่งจากความรู้สึกคือ เวลาใช้งานหลายแอพพร้อมกับ รวมถึงเปิด Safari ไว้หลายหน้าจะพบว่าอาการ โหลดใหม่ น้อยมาก ราวๆ การใช้ Nexus 5 ที่ไม่ต้องโหลดใหม่บ่อยๆ สำหรับประสิทธิภาพตัวเครื่องนั้นส่วนตัวรู้สึกพึงพอใจมากครับ
3D Touch พระเอกของรุ่นนี้
3D Touch หากเรียกเป็นเทคโนโลยีของ iPhone 6s แต่หากจะต้องเรียกว่า Force Touch ก็ไม่ผิดสักทีเดียว เพราะคล้ายๆกับ Force Touch ใน Apple Watch และ Macbook รุ่นใหม่ๆ โดยเป็นการทำงานของ 3D Touch คือการรับคำสั่งหลายระดับบนหน้าจอ ชึ่งจากการที่ลองใช้แล้วต้องยอมรับว่าละเอียดมากต่อแรงสัมผัสในแต่ละขั้นมันนิดเดียวจริงๆ แต่หากจะหาประโยชน์จริงๆ นั้นอาจจะเป็นเพียงแค่การสลับแอพไปมาและการ พรีวิว หน้าเว็บ,เมล มากกว่าที่จะเปิดไปที่ Short Cut ต่างๆ ของแอพนั้น เรื่องของกระจกและฟิล์มนั้นเท่าที่ผมและคนรู้สึกหลายคนลองนั้นก็สามารถใช้งานตัว 3D Touch ได้ครับ แอพที่รองรับปัจจุบันนั้นมีอยู่ไม่มากจากที่ลองทดสอบมา
แอพเบื้องต้นที่รองรับ 3D Touch (วันที่ 10 พฤศจิกายน 2558)
- กล้อง
- รูปภาพ
- Messages
- Note
- นาฬิกา
- แผนที่
- wallet
- Reminders
- iTunes
- Appstore
- iBook
- News
- โทรศัพท์
- เมล
- Safari
- Music
- FaceTime
- Snapchat
ในส่วน 3D Touch ใน iPhone 6s นั้นส่วนใหญ่จะเป็นเพียงการ พรีวิว หน้าเว็บ รูป การกดเข้าแอพที่เร็วขึ้นนึดหน่อย (หลายคนเรียกว่าคลิกขวาบนคอม) แต่ที่รู้สึกว่าติดใจมากคือ การสลับแอพโดยไม่ต้องกดปุ่ม โฮม หรือ assistive touch เรียกได้ว่าสะดวกกว่าเดิมเยอะเลยทีเดียว
Siri ที่สามารถเรียกได้ตลอดเวลา
Siri เป็นเทคโนโลยีที่เริ่มต้นตั้งแต่ตอน iPhone 4s หรือราวๆ 4 ปี (นานเนอะ) จนถึงตอนนี้ Apple ก็ได้พัฒนาให้มาเรื่อยๆ อย่างเช่นตอบโต้ให้ฉลาดขึ้น สามารถโชว์ข้อมูลตอนถาม Siri ได้เลย รวมถึงที่สำคัญคือ การรองรับภาษาไทยที่ใช้ได้ตั้งแต่ iOS 8.3 ถือว่าเป็นเรื่องราวๆ ดีสำหรับผู้ใช้งานเมืองไทย จนตอนนี้มาถึง iOS 9 แอปเปิ้ลได้พัฒนาให้สามารถ สแตนบาย ตลอดเวลา iPhone 6s ผมวางเครื่องไว้เฉยๆ แล้วพูดคำว่า “หวัดดี สิริ “ตัว Siri นั้นก็ขึ้นมาตลอดเวลา แม้ในที่สิ่งแวดล้อมรบกวนเยอะๆ อย่างในร้านอาหาร Take Away ผมก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน (รุ่นเก่าสามารถทำได้โดยชาร์จแบตอยู่เท่านั้น)
แบตเตอรี่
iPhone 6s นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 1715 mAh ชึ่งน้อยกว่า iPhone 6 (1810 mAh) แต่มากกว่า iPhone 5s (1560 mAh) อยู่เล็กน้อย จากการลองใช้งานพบว่าเวลาการใช้งานแทบไม่ต่างจากตัวเก่าๆ ผมใช้งาน social ต่างๆ ทั้ง Facebook Twitter Instagram Line Pantip (ผ่าน Pantip Me) และเข้าเว็บเพื่อเช็คข่าวสาร สามารถใช้งานแบตได้จาก 9 โมงเช้า ถึงราวๆ 4-5 โมงเย็น หากใช้งานผ่าน wifi เป็นหลัก และ ใช้ได้ถึงราวๆ 3-4 โมงเย็นหากใช้งาน 3G/4G. ตัว iOS 9 นั้นมาพร้อม Low Power Mode ชึ่งตัดการทำงานบางอย่างออกไป เพื่อช่วยประหยัดแบตได้อีกราว 20-30%
Notes เพิ่มความสามารถแจ่มกว่าเดิม
แอพ Notes เวอร์ชั่นใหม่บน iOS 9 นั้นรองรับ 3D touch ของ iPhone 6s โดยตรง icon นั้นสามารถเลือกเป็นทำ Notes ใหม่, เพิ่มรูปใน Note และ วาดรูป (อยากได้ปากกาดีๆจริงๆ) แอพ Notes ตัวใหม่นั้นถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มความสามารถมากพอสมควร อย่างเช่นการวาดรูป และ การจดเป็นข้อๆ (iOS 8 สามารถใส่รูปได้) ชึ่งทั้งหมดนี่กล่าวมานั้นช่วยให้ใช้งานสะดวกมากขึ้นมากเลยทีเดียว
Search-ค้นหา
ระบบ Search ของ iPhone6s ค่อนข้างฉลาดมากๆ ขอไม่อธิบายมากครับ เพราะระบบภายในนำมาจาก Siri เพียงแค่ใช้เสียงพูดเป็นใช้นิ้วพิมพ์และเวลา Search นั้นสามารถปัดลงล่างหรือปัดช้ายในหน้า Home
Health-สุขภาพ
Health หรือ สุขภาพเป็นแอพที่ผมรู้สึกชอบที่สุดตั้งแต่ใช้ iPhone 6s (แอพนี้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพกับ iPhone 5s ขึ้นไปสำหรับการใช้งานปกติ และ iPhone 6 ขึ้นไป สำหรับการใช้งานบนตึก) แต่รู้สึกว่าคนอื่นมักไม่ให้ความสำคัญกับตัวแอพนี้หากไม่ใช้ Apple Watch ตัว Health ทำงานร่วมกับ ชิพ M9 ในตัว ชีพียู A9 เป็นการจับการเคลื่ยนไหวในทุกทิศทาง โดยแอพ Health นั้นจะทำหน้าที่เก็บข้อมูลเรื่องสุขภาพของเราทั้งหมด ทั้งก้าวเดิน นำหนัก การนอนหลับ Heart Rate และอื่นๆ นอกจากนั้นยังสามารถใช้งานร่วมกับ ResearchKits ที่จะช่วยให้การนักวิจัยและนักพัฒนาสามารถสร้างแอพที่อาจปฏิวัติการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ และ
สรุป iPhone 6s
- กล้องหลังและหน้าดีขึ้นเก็บรายละเอียดได้ดีโดยเฉพาะเวลากลางคืนเห็นได้ชัดมาก + โฟกัสฉลาดขึ้นมาก
- ram 2 GB ช่วยให้การทำงานเวลาใช้งานหลายๆแอพลื่นขึ้นเยอะมาก
- 3D Touch ล้ำมาก แอพส่วนใหญ่ยังเป็นแค่ Shot Cut เข้าเมนู แต่ใช้แล้วจะติดเลยเวลาเปลี่ยนแอพ มันสะดวกมากไม่ต้องกดปุ่ม Home
- Touch ID เร็วเกินไปจนไม่สามารถดูการแจ้งเตือนได้
- เริ่มต้น 16 GB น้อยไปหน่อยสำหรับมือถือราคาเกือบ 27,000
- ใช้กับเคสเดิมได้เกือบทั้งหมด
- ปลากัดสวยดี
น่าชื้อหน้าเมิน? สีไหนสวย กี่ GB ดี?
ในทุกๆ ปีก็จะมีคำถามกันอยู่ตลอดว่ารุ่นใหม่ที่ออกมานั้นมันน่าชื้อหรือน่าเมิน โดยรวมแล้ว iPhone 6s เป็น iPhone ที่น่าใช้มากตัวนึงครับ ทั้งกล้องที่ฉลาดขึ้น สีชมพูสุดสวย นวัฒกรรมอย่าง 3D Touch ที่ทำให้สามารถใช้งานได้ดีมากขึ้นไปอีก ยิ่งใช้กับ iOS 9 ที่เป็น iOS ที่มีความเสถียรมากระบบนึง ทั้ง Hardware ที่ดี + Software ที่ดี มักจะทำให้เกิดประสบการณ์ที่ดีมากเสมอ
หากคุณใช้ iPhone 6 อยู่แล้วเหตุผลที่คุณจะเปลี่ยนมาเป็นตัวใหมสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนถือว่าค่อนข้างน้อยมีเพียง 3D Touch และ สี Rose Gold แต่หากคุณอัพมาจากรุ่นที่เก่ากว่านั้นตั้งแต่ iPhone 5s ลงไป หากไม่นับที่กล่าวมาเบื้องต้น คุณจะได้ กล้องที่ดีขึ้นพอสมควร โฟกัสทั้งภาพและวิดิโอดีขึ้นมาก หน้าจอที่ใหญ่ขึ้น รวมถึง เครื่องที่เร็วขึ้นอย่างมาก อีกด้วย เรื่องสีนั้น ถือว่าเป็นเรื่องแต่ละบุคคล แต่หากต้องการให้โดดเด่นก็คงต้องเป็นสี Rose Gold สีล่าสุดจะออกแนวชมพูอ่อนๆ สวยใช้ได้เลย (แต่อย่าไปใส่เคสละ) ส่วนสีอื่นๆ แนะนำไปลองเครื่อง iPhone 6 ที่ ศูนย์บริการ ได้เลยครับ เหมือนกันแทบทุกประการ ต่างเพียงแต่ตัว “s” ด้านหลัง หากคุณไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ แล้วต้องหาโทรศัพท์มาใช้ในปีนี้แล้ว ลองหา Android ที่มีความสามารถพิเศษต่างๆ อย่างปากกา ก็ไม่ได้เลวร้าย เป็นทางเลือกที่ดีมากดลยทีเดียว หรือยังเป็นติ่ง แอปเปิ้ล แบบจริงจังก็คงต้องรอ iPhone 7 เลยแหละครับ
เพิ่มเติม – ชื้อ iPhone/iPad/iPod Touch กี่ GB ดี?
สำหรับผมแล้วหากนับเรื่องที่น่าสนใจของ iPhone 6s คงจะเป็นเรื่อง 3D Touch เพราะถือว่าเป็นการประยุคแรงกดของการใช้งานโดยนิ้วมือได้ดีค่อนข้างมาก ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้นผมมองว่าสิ่งที่ควรจะอัพเกรดตามกาลเวลาอยู่แล้ว ตามสเต็ปอย่างเช่นความเร็ว สีที่ปกติจะมีเพิ่มในแทบทุกตัว “s” กล้องที่ดีขึ้น ลูกเล่นเล็กๆ น้อย อย่าง Live Photo และ Retina Flash ที่ไปก็อบคนอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อเอาใหม่
หากใครข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับตัวเครื่องหรืออุปกรณ์ต่างที่เกี่ยวกับ แอปเปิ้ล iPhone 6s และ กล้อง สามารถ Comment ไว้ได้ด้านล่าง หรือติดตามได้ที่ MF-Edge.com Facebook และ Twitter อย่าลืมแชร์ไปให้เพื่อนๆอ่านนะครับ 🙂