กล้อง Sony A7R IV หรือ A7R Mark 4 ถือว่าเป็นเจนเนเรชั่นที่ 4 ของฟูลเฟรมของโซนี่แล้วครับ ซึ่งเป็นรุ่นที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพนิ่งมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นตระกูล R โดยในรุ่นนี้ ได้เน้นได้ที่รายละเอียดการทำงานในระดับมือมาชีพมากยิ่งขึ้นครับ เรียกได้ว่าโซนี่ต้องการตีตลาดกล้องระดับมืออาชีพอย่างเต็มที่เลยครับ แต่สำหรับทีมงาน ThePeakFoto นั้นจะมาเน้นในเรื่องราวของผู้ใช้งานทั่วไป ที่อยากได้กล้องที่มีประสิทธิภาพสูงมาก รองรับการใช้งานได้ในหลายสถานการณ์ จะเป็นอย่างไปไปชมกันครับ
เริ่มที่การพัฒนาของเจ้าของ A7R Mark 4 ครับ ทางทีมงานรู้สึกได้เลยว่า โซนี่เป็นแบรนด์ที่รับฟังผู้ใช้งานแล้วนำมาปรับปรุง เพื่อให้ตรงตามความต้องการมากที่สุด ซึ่งในรุ่นนี้ ได้พัฒนาไปในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะส่วนที่หลายคนชอบมากนั้นก็คือ “กริ๊ปที่ใหญ่ขึ้น ในขนาดที่พกพาง่ายเหมือนเดิม” ซึ่งเป็นจุดสังเกตของโซนี่มาตลอดครับ รวมถึงตัว Firmware ที่โซนี่แก้ไข OS ของกล้องให้ผู้ใช้งานจริงถูกใจขึ้นครับ
Highlight
- ไฟล์ความละเอียด 61 ล้านพิกเซล
- กริ๊ปที่ดีขึ้น ในขนาดที่พกพาง่ายเหมือนเดิม
- Real-Time Tracking
- EVF ความละเอียดสูงขึ้น
- เปลี่ยนสีจุดโฟกัสได้
- ปรับปรุงการทำงานระบบวิดีโอ
สเปค Sony A7RIV (Mark 4)
- เซ็นเซอร์ขนาดฟูลเฟรม 61 ล้านพิกเซล
- Pixel Shift Multi Shooting สามารถทำได้ถึงความละเอียด 240 ล้านพิกเซล
- ใช้งานในคร็อปโหมดได้ 26 ล้านพิกเซล
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K HDR
- รัวชัตเตอร์ได้สูงสุด 10 fps
- 14 Bit Raw พร้อม Dynamic Range 15 Stops
- ระบบกันสั่น 5 แกนภายในตัวบอดี้
- ขนาดบอดี้ใกล้เคียงกับ Sony A7RIII
- หน้าจอสัมผัสขนาด 3 นิ้ว
- EVF ความละเอียด 5.78 ล้านพิกเซล
- มีจอยสติ๊กรูปแบบใหม่
- จุดโฟกัส 567 จุดแบบ Phase Detection พร้อมรองรับ Real-Time AF
- Eye-AF ทั้งในโหมดถ่ายภาพคน ถ่ายภาพสัตว์ และ การถ่าย Eye-AF ในวิดีโอ
- รองรับวิดีโอ 1080P ที่ 120 Fps
- USB 3.1
- ช่องใส่การ์ดสองช่อง รองรับ USH-II ทั้ง 2 ช่อง
- สามารถสั่งงานผ่าน WiFi ได้
บอดี้
บอดี้ด้านหน้าดูเผินๆ อาจจะเหมือน Sony A7RIII แต่หากเอามาวางเปรียบเทียบกันแล้ว Sony A7RIV นั้นมีขนาดกริ๊ปที่ใหญ่ขึ้นพอสมควร ซึ่ง Sony ได้รับฟังความคิดเห็นของลูกค้าว่าสินค้า gen 3 มีกริ๊ปที่เล็ก ไม่พอนิ้วก้อย รุ่นใหม่ก็สามารถทำได้ดีขึ้นครับ
ด้านบนสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือ Dial ด้านหลัง ที่ยกขึ้นมาไว้ด้านบน ทำให้สามารถควบคุมได้ง่ายขึ้น ปุ่มเปลี่ยนโหมด และ ชดเชยแสง สามารถล็อคได้เวลาใช้งาน ทำให้แม้จะไปโดนการปรับค่าก็จะไม่เปลี่ยนแปลง ปุ่ม Custom ทีให้เลือก 2 ปุ่ม (C1,C2) ส่วนปุ่มชัตเตอร์มีความลึกขึ้นเล็กน้อย Hot Shoe เป็นแบบ Multi สามารถเชื่อมต่อข้อมูลได้อีกด้วย ทั้งการเชื่อมต่อกับแฟลช การเชื่อมกับไมค์โครโฟน ก็สามารถทำได้ครับ
หน้าจอด้านหลังเป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 1.44 ล้านพิกเซลที่ให้ความคมชัดที่ดีมาก Lay-Out การวางปุ่มนั้น จะมีปุ่ม Custom (C3) เมนู, ปุ่มอัดวิดีโอ, ปุ่ม AF-ON (ทำ Pre-Focus) และปุ่ม AEL (ล็อคแสง) ด้านล่างลงมา Joystick ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น สัมผัมดีขึ้น, ปุ่มฟังก์ชั่น ที่เราสามารถเลือกได้ถึง 10 อย่าง, ปุ่มควบคุม 4 ทิศทาง ปุ่ม Play และ ปุ่มลบ
โดยทุกปุ่มของ Sony นั้น (เว้นปุ่ม Menu) เราสามารถ Custon เพื่อใช้งานอะไรก็ได้ อย่างเช่นตรงปุ่มควบคุม 4 ทิศทาง ทีมงานเลือกเป็น Crop Super 35 ทำให้ง่ายเวลาที่เราต้องการถ่ายระยะไกลครับ แค่กดปุ่มเดียวก็ได้ภาพที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย
ช่องมองภาพหรือ EVF ของ Sony A7RIV นั้นมีขนาดเท่ากันนั้นก็คือ 0.5 นิ้ว หรือ x0.78 เท่า ที่เพิ่มเข้ามาจากรุ่นเก่านั้นก็คือความละเอียดที่เพิ่มขึ้นเป็น 5.78 ล้านพิกเซล นอกจากนี้เฟรมเรตของตัว EVF ในรุ่นนี้ ยังสามารถปรับเป็น High FrameRate ที่ 120 FPS ได้อีกด้วย ทั้งชัดทั้งลื่น เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในข้อที่ ช่างภาพ หลาย ๆ คนถูกใจครับ
ช่องเสียบ SD Card เป็นแบบเลื่อนสไลด์เปิดออกมา ทำให้การใช้งานนั้นง่ายกว่าพวกเจ็นเนอเรชั่นที่ 3 แข็งแรงเปิดง่ายครับ
นอกจากนี้ทาง Sony จะมีการโฆษณาว่า Sony A7RIV นั้นมีซีลกันละอองน้ำ ละอองฝุ่นที่ดีขึ้น เพิ่มจุดซีลด้านล่างตัวกล้อง เท่าที่ทีมงานได้ลองใช้ในสถาวะฝนตกปรอยๆ ก็ยังไม่เจอปัญหาใดๆ
พอร์ทการรองรับของ Sony A7RIV นั้น อัดแน่นมาครบ ๆ ครับ ทั้ง
- Micro USB
- Type-C
- Micro HDMI
- ช่องเสียบหูฟัง
- ช่องเสียบไมค์
- ช่องเสียบ Flash
Real-Time AF ระบบโฟกัสที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน
สำหรับระบบ Real-Time AF ของตัวกล้อง Sony A7RIV ได้รับการปรับปรุงใหม่ ให้ประสิทธิภาพดีขึ้น เพราะทำงานบนพื้นฐานของระบบ AI แถม Sony A7RIV เป็นกล้องฟูลเฟรมรุ่นแรกของ Sony ที่สามารถใช้งานโฟกัสตาได้ในงานวิดีโออีกด้วย สำหรับการทำงานในรูปแบบอื่นๆอย่าง โฟกัสดวงตาคน (สามารถเลือกตาซ้าย ตาขวาได้) รวมไปถึงโฟกัสดวงตาสัตว์และ ระบบ Track สิ่งของ ก็สามารถทำได้เช่นเคยและดีกว่าเดิมครับ
ระบบ Real-Time AF นั้นสิ่งที่แตกต่างกับ Lock-On AF ที่เคยใช้กันในรุ่นเก่าๆก็คือเรื่องประสิทธิภาพ แต่หากเจาะลึกข้อมูลกันแล้ว การทำงานของ Real-Time AF ค่อนข้างต่างกัน เพราะสำหรับ Lock-On AF นั้น จะวิเคราะห์ โดยใช้สี ระยะห่าง และ ใบหน้า แต่สำหรับ Real-Time AF นั้นนอกจากจะคำนวณสี ระยะห่าง และ ใบหน้า ยังคำนวณจากตา และ ลวดลายบนภาพ อีกด้วย โดยทั้งหมดผ่านระบบ AI ที่มีหน่วยประมวลที่ทรงพลัง ทำให้ประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
เซ็นเซอร์ความละเอียดเพิ่มขึ้น เหมาะกับมืออาชีพมากขึ้น
เซ็นเซอร์ของ Sony A7RIV เป็นเซอร์เซอร์แบบ Exmor R CMOS ความละเอียด 61 ล้านพิกเซล ให้ขนาดไฟล์ภาพ 9504 x 6336 ใช้ระบบประมาลผล Bionz X ที่มี Front-End LSI สามารถดัน ISO ได้ตั้งแต่ 100-32000 และขยายได้ 50-102400 ซึ่งเทียบกับ Sony A7RIII Dynamic Range ทาง Sony เครมไว้ว่ากว้างถึง 15 Stops
เท่าที่ลองใช้งานนั้น Noise ใน ISO ต่างๆ มีมากกว่า Sony A7RIII เล็กน้อย เนื่องด้วยจำนวนพิกเซลที่มากขึ้น ทำให้ Pixel Size มีขนาดเล็กลง และเทคโนโลยีการผลิตนั้นไม่ได้ห่างกันมาก ทำให้มี Noise มากกว่า Sony A7RIII เล็กน้อย
หากถามว่า Sony A7RIV นั้นแตกต่างจาก A7RIII ไหม ต้องบอกว่ามีความต่างกันพอควร เมื่อทำการในเรื่องรายละเอียด แต่ในส่วนของ Dynamic Range นั้นก็ยังไม่ได้รู้สึกว่ามีความแตกต่างกันมาก
อัตราส่วนของภาพนั้นจากเดิมที่มีแค่ 3:2 กับ 16:9 ในรุ่นใหม่นั้นได้เพิ่มอัตราส่วน 4:3 กับ 1:1 มาให้เลือกใช้
ตัวอย่าง Dynamic Range
จากภาพตัวอย่างสามารถดึง Dynamic Range ที่เป็นในส่วนของส่วนมืดได้สบาย
หรือจะเป็นการถ่ายภาพแล้วเพิ่มเติมแสง ก็สามารถทำได้ โดยไม่ต้องกังวลกับคุณภาพ
ภาพตัวอย่างการเทส ISO
ISO 6400ISO 12800ISO 25600ISO 32000
ISO 102400
สำหรับไฟล์นั้นเป็น Raw File เปิดตัว Lightoom Classic เวอร์ชั่น 8.4.1 แล้ว Export ขนาด 2048×2048 pixel
ตัวอย่างขนาด Raw File Compress
ขนาดไฟล์ Raw 1 File แบบ Compress ขนาดประมาณ 60 MB ส่วน Uncompress จะอยู่ที่ 120 MB และ JPEG Extra File จะอยู่ที่ 10-15 MB ส่วนเมื่อใช้คร็อปโหมดไฟล์จะอยู่ที่ 26 MB สำหรับ Raw Compress และ Raw Uncompress อยู่ที่ 55 MB
ในส่วนของการบันทึกนั้น จะใช้ในส่วนของ SD Card ที่รองรับการใช้งาน UHS-II ทั้ง 2 ช่อง สำหรับ SD Card ขนาดที่แนะนำให้ใช้คือ 64 GB ขึ้นไปเท่านั้น และความเร็วในระดับ UHS-II จะดีมาก เพราะไฟล์มีขนาดใหญ่ ใช้เวลาเขียนนาน หากใช้ SD Card ความเร็วต่ำ
Pixel-Shift Multi Shooting เพิ่มความละเอียดเป็น 240 ล้านพิกเซล!
ฟังก์ชั่นที่ทำให้กล้องมีความละเอียดมากขึ้นนั้นก็คือ Pixel-Shift Multi Shooting หรือการขยับเซ็นเซอร์ โดย Soyn A7RIV มีการปรับปรุงการเก็บสี RGB ไห้ดีขึ้น โดยการจะเก็บ สีแดง, สีเขียว Highlight, เขียว Shadow และ น้ำเงิน ใน 1 Bayer และเก็บในทุกๆครั้งการถ่าย แต่ Sony A7RIII จะเก็บสี RGB โดยเก็บแบบ สีแดง สีเขียว 2 ครั้ง และ สีน้ำเงิน ใน 1 Bayer แต่จะเก็บค่าสีแค่ครั้งแรกเวลากดชัตเตอร์
นอกจากนี้เมื่อรวมจะเป็นไฟล์จะรวมไฟล์เป็นการละเอียด 240 ล้านพิกเซล และแสดงผลที่ 240 ล้านพิกเซล ผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ในขณะที่ A7RIII จะ จะรวมไฟล์เป็นความละเอียด 169 ล้านพิกเซล แล้วแสดงผลหลังทำโปรแกรมที่ 42 ล้านพิกเซลเช่นเดิม
ทั้งนี้ข้อจำกัดของในใช้งาน Pixel Shift มีเหมือนเดิมนั้นก็คือต้องใช้บนขาตั้งกล้อง ไม่สามารถเก็บรายละเอียดที่มีการเคลื่อนไหวได้ ทำให้เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ Still เท่านั้น
ตัวอย่างไฟล์จาก Pixel Shift – คลิก
ระบบลดการสั่นไหว 5 แกน
ระบบกันสั่นของ Sony A7RIV นั้นทาง Sony ได้เครมว่าตัวกล้องได้ 5.5 Stops เหมือนกล้อง Sony A7RIII เท่าที่ทีมงานได้ลองใช้งานคร่าวๆ ถือว่าทำได้ไม่แตกต่างกับ Sony A7RIII เลยครับ ตัวอย่างภาพด้านล่างใช้ Speed Shutter 1/30 กับเลนส์ Zeiss 55 mm
ตัวอย่างภาพด้านบนใช้ Speed Shutter 1/30 กับเลนส์ Zeiss 55 mm ก็สามารถรับมือได้สบายๆ
ถ่ายภาพต่อเนื่องได้ 10 FPS
การถ่ายภาพต่อเนื่อง Sony A7RIV สามารถถ่ายได้ต่อเนื่องสูงสุด 10 FPS และ 7 FPS ในโหมด Silent มีบัฟเฟอร์ที่ใหญ่กว่ารุ่นเก่า 1.5 เท่า ทำให้สามารถถ่ายภาพได้ต่อเนื่องสูงสุด 68 ภาพ ทั้งใน Raw Compress และ JPEG Extra File หากใครต้องการมากกว่านี้ สามารถใช้โหมดคร็อปให้เลือก 26.2 ล้านพิกเซล ซึ่งจำนวนภาพจะมากกว่าเดิมอีก 3 เท่า
การโฟกัสในการภาพต่อเนื่องสามารถทำได้ดีมากๆ ส่วนถ้าถามว่า 10 FPS เพียงพอต่อการใช้งานถ่ายกีฬาหรือไม่ ต้องบอกว่าเพียงพอต่อการถ่ายแบบทั่วไป แต่หากใช้งานในกีฬาที่ต้องการความเร็วสูงมากๆ เช่นกอล์ฟ Sony A9 ก็ยังเหมาะสมกว่าด้วย 20 FPS
วิดีโอเหมือนเดิม แต่ฟังก์ชั่นเสียงอย่างเทพ
กล้อง Sony A7RIV นั้น สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ 4K 30 FPS รองรับการถ่ายในรูปแบบ HDR และ สามารถถ่าย Slow Motion ได้ที่ Full-HD 120 FPS ส่วนเรื่อง Profile สีก็รองรับ S-Log 3
กล้องทั้ง 2 รุ่นยังสามารถถ่ายวิดีโอ 4K ได้เฟรมเรตสูงสุด 30 FPS ที่บิตเรต 100 Mbps และสามารถถ่าย Slow-Motion ที่ Full-HD 120 FPS รองรับการถ่ายแบบ HDR และ S-Log 3, HLG รวมไปถึง Cine 1-4 การคร็อปบนวิดีโอนั้นเมื่อถ่ายด้วยเฟรมเรต 24p บน 4K จะคร็อป 1.6 เท่า ส่วน 30P จะเป็น 1.8 เท่า อาจจะทำให้คนที่ต้องการใช้งานวิดีโอ ต้องเพื่อระยะเลนส์ไว้พอสมควร
สิ่งที่แตกต่างกับรุ่นอื่นๆก็คือ การรองรับการบันทึกเสียงแบบดิจิตอล ซึ่งจะทำให้การในเรื่องของเสียงมีคุณภาพที่ดีกว่าแบบอนาล็อคแบบเก่ามากๆ ครับ
จุดโฟกัสเปลี่ยนสีได้
สำหรับจุดโฟกับนกล้อง Sony A7RIV นั้น เป็นรุ่นที่สามารถปรับสีตัวกรอบโฟกัสได้ ทำให้เวลาใช้งานแสงที่ Over หรือ Under มากๆ สามารถปรับสีได้ ทำให้เวลาถ่ายในสภาพแสง Over หรือ Under มากๆ สามารถมองเห็นได้ง่ายขึ้น
กล้อง Sony A7RIV เป็นรุ่นแรกในกล้อง Sony ฟูลเฟรมมิลเลอรน์เลสที่สามารถบันทึกเวลาต่างๆที่เราใช้งานได้ โดยการบันทึกนั้นสามารถบันทึกปุ่มต่างๆที่เราใช้งาน แล้วนำไปใส่กล้อง Sony A7RIV เครื่องอื่นได้ ทำให้เหมาะมากสำหรับ Production ที่มีกล้องหลายตัว โดยการบันทึกนั้น สามารถบันทึกได้ทั้งบน SD Card และ ผ่านโปรแกม Imagine Edge mobile
แบตเตอรี่ที่ทนมากๆ แถมชาร์จผ่าน Power Bank ได้
ปัจจุบัน Sony สามารถพัฒนาแบตเตอรี่สำหรับกล้อง Mirrorless ให้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้อย่างยาวนานแล้ว โดยออกมาเป็นรุ่น NP-FZ100 ที่สามารถใช้ยาวนานกว่า 670 ภาพต่อการชาร์จ 1 ครั้ง สำหรับงานถ่ายวิดีโอนั้น สามารถถ่ายได้ราว 105 นาทึอีกด้วย หากไม่พอใจงาน ก็สามารถชาร์จผ่าน Power Bank ไป แล้วถ่ายได้
ทำให้ในหลาย ๆ ครั้ง ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตระหว่างวัน เพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น และยังมี Adapter Fast Charge ให้มาพร้อมใช้งานในกล่อง และจากการที่ลองใช้งานนั้น ทีมงานสามารถใช้งานได้ทั้งวันสบายๆ โดยแบตเตอรี่ยังไม่หมดก้อนครับ
เชื่อมต่อกล้องได้ง่ายผ่านสมาร์ทโฟน
การเชื่อมต่อกล้อง Sony A7RIV นั้นจะใช้ระบบการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth และ Wi-Fi รองรับ Wi-Fi 2.4 GHz และ 5 GHz สามารถต่อตรงกับคอมพิวเตอร์ และผ่าน Asset Point โดยการทำงานนั้นจะทำงานคู่กัน ผ่านแอพพิเคชั่น Imagine edge mobile โดยพิเศษตรงนี้หากเราเชื่อมต่อ Bluetooth นั้นเราสามารถโอนผ่านเมื่อกล้อง Sony A7RIV ปิดได้ด้วย (ผ่านแอพพิเคชั่น Transfer & Tagging add-on) แล้วตัวแอพพิเคชั่นตัวใหม่ยังสามารถรับไฟล์ XAVCHD,4K ได้ และ เชื่อมต่อเกี่ยวกับ Location กับตัวกล้องได้ผ่านสัญญาณ Bluetooth
เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์รองรับการทำงานแบบมืออาชีพ
ในโปรแกมคอมพิวเตอร์นั้นทาง Sony ได้ออกโปรแกมมาทั้งหมด 3 ตัวด้วยกัน Remote ไว้สำหรับควบคุมตัวกล้องเวลาใช้ถ่ายภาพ โดยเราสามารถต่อได้จากทั้ง Wi-Fi และ การเชื่อมต่อสาย แล้วยังสามารถควบได้หมด เหมือนที่ตัวกล้อง แม้กระทั้งการซูมโฟกัส, Viewer ไว้สำหรับ ดูภาพ กับเปรียบเทียบภาพ และ Edit ไว้สำหรับปรับแต่งภาพ โดยเมื่อใช้โปรแกม Edit เราสามารถ Export เป็นไฟล์ ARW ได้อีกด้วย
ประการณ์การใช้งาน
Sony A7RIV + FE 85 mm f/1.8 Sony A7RIV + FE 85 mm f/1.8
หลังจากที่ทีมงานได้กล้องปุ๊บ สิ่งแรกที่ทีมงานทำก็คือ ลองนำไปถ่ายคอนเสิร์ต ด้วยประโยชน์ของ Crop Mode ที่เหลือ 26 ล้านพิกเซล ทำให้การใช้งานนั้นสามารถคร็อปจากตัวกล้อง โดยไม่ต้องกังวลคุณภาพว่าจะด้อยลงไป และทำให้รวดเร็ว เวลานำไป Process ต่อ เพราะไม่ต้องไปเสียเวลาคร็อปในภายหลัง
ด้านการโฟกัสต้องบอกว่า Real-Time Eye-AF ช่วยในการถ่ายได้พอสมควร เพราะจะจิกไปที่ตาของนักดนตรีเลย ทั้งนี้ก็มีข้อสังเกตุตรงที่ เวลาปรับระหว่าง Crop Mode กับไม่ Crop Mode ต้องรอให้ Memory Card เขียนเสร็จก่อน ถึงจะสามารถปรับได้
Sony A7RIV + FE 85 mm f/1.8Sony A7RIV + FE 85 mm f/1.8 Sony A7RIV + FE 85 mm f/1.4 GM Sony A7RIV + FE 55 mm f/1.8 ZeissSony A7RIV + FE 55 mm f/1.8 Zeiss Sony A7RIV + FE 85 mm f/1.8 Sony A7RIV + FE 55 mm f/1.8 Zeiss
ความคมเมื่อใช้กับเลนส์ FE 55 mm f/1.8 Ziess ต้องเรียกคมจัดแบบเหลือเฟือเลยครับ
Sony A7RIV + FE 24 mm f/1.4 GM
Sony A7RIV + FE 70-200 mm f/2.8 GM Sony A7RIV + FE 50 mm f/1.4 ZeissSony A7RIV + FE 50 mm f/1.4 Zeiss Sony A7RIV + FE 50 mm f/1.4 Zeiss
โดยรวมในส่วนของการถ่ายพอร์ตเทรตตัว Sony A7RIV ได้ปรับปรุงสกินโทนใหม่ให้ดูธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
Sony A7RIV + FE 55 mm f/1.8 Zeiss Sony A7RIV + FE 16-35 mm f/4 ZeissSony A7RIV + FE 16-35 mm f/4 Zeiss ISO 5000Sony A7RIV + FE 16-35 mm f/4 Zeiss Sony A7RIV + FE 16-35 mm f/4 Zeiss Sony A7RIV + FE 16-35 mm f/4 Zeiss Sony A7RIV + FE 16-35 mm f/4 Zeiss Sony A7RIV + FE 16-35 mm f/4 Zeiss
รูปนี้ทีมงานได้ลองซูม 100% ให้เห็นรายละเอียดของ 61 ล้านพิเซล และโชว์ให้เห็นความละเอียดของเลนส์ FE 16-35 mm f/4 Ziess ว่าสามารถรองรับได้สบาย แม้จะใช้รูรับแสงกว้างสุด
Sony A7RIV + FE 16-35 mm f/4 Zeiss Sony A7RIV + FE 55 mm f/1.8 Zeiss Sony A7RIV + E 16-55 mm f/2.8 (Crop Mode)Sony A7RIV + FE 55 mm f/1.8 Zeiss
โดยรวมไฟล์ของ Sony A7RIV นั้นเป็นไฟล์ที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม มี Dynamic Range ที่กว้าง สามารถดัน ISO เพื่อถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีพอสมควร สีไฟล์นั้นทำได้ธรรมชาติขึ้น และที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือการที่มีไฟล์ที่ใหญ่ถึงขนาด 61 ล้าน เราสามารถคร็อปได้โดยไม่ต้องกังวลเครื่องคุณภาพ หรือนำไปใช้งานระดับมืออาชีพได้อย่างไร้กังวล
ไฟล์ใหญ่ดีมั้ย มีปัญหาอะไรมั้ย
กล้อง Sony A7RIV นั้นเป็นกล้องรุ่นนึงที่สมบูรณ์มากรุ่นนึงของโซนี่ ทั้งคุณภาพไฟล์ภาพนิ่ง ระบบการโฟกัส กริ๊ปที่ดีขึ้น แต่ที่ยังอยากได้ก็คือ EVF ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น น่าจะช่วยทำให้สบายตามากขึ้น แล้วก็ Focus Stacking ที่ยังไม่มีฟังก์ชั่นในตัวกล้องสักที ถ้ามีจะช่วยให้คนถ่ายภาพ Product ได้ง่ายขึ้น และ ตัว Joystick ได้ปรับตำแหน่งใหม่ให้ใกล้หน้าจอยิ่งขึ้น เวลาใช้งานกางจออกมา แล้วเลื่อน Joystick นิ้วเราจะไปขูดกับหน้าจอที่กลางออกมาอยู่บ่อยครั้ง
ควรใช้คอมสเปคประมาณไหน
สำหรับผมใช้ MacBook Pro 15 นิ้ว รุ่นปี 2018 ใช้ CPU Core i7 Hexa Core แรม 16 GB และใช้ SSD สามารถปรับแต่งภาพได้ลื่นไหล บนโปรแกมอย่าง Adobe Lightroom แต่สิ่งที่แตกต่างกันเลยก็คือไฟล์ขนาดเล็ก ที่สีการ Retouch ผิวคน หรืองาน ที่ต้องบอกเลยว่า มีควาแตกต่างกันพอสมควร ตัวเครื่องทำงานได้ไม่ราบลื่นนัก
ถ้าถามว่าแนะนำสเปคขั้นต่ำแค่ไหน ก็คงต้องมี Core i7 Quadcore แรม 16 GB และ Flash storage (SSD)
ใช้เลนส์ฟูลเฟรมได้ทุกรุ่นหรือไม่ กับความละเอียดขนาดนี้
หลายคนน่าจะกังวลอยู่ว่าเลนส์ Sony ฟูลเฟรมรุ่นเก่าๆ ที่เรามีอยู่จะสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิบนกล้องที่มีความละเอียดสูงถึง 61 ล้านพิกเซลหรือไม่ ต้องบอกเลยว่าเท่าที่ลองใช้นั้น เลนส์ G Master, G และ Zeiss ความคมชัดนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับ สามารถรองรับการใช้งานได้อย่างสบาย ส่วนเลนส์เกรดธรรมดาราคาไม่แพงก็สามารถใช้งานได้ แต่อาจจะต้องหรี่รูรับแสงเพื่อ เพิ่มความคมชัดกันไปครับ
และสำหรับคนที่ยังห่วงเรื่องเลนส์น้อยนั้น Sony A7RIV ปัจจบันมีเลนส์ให้เลือกกว่า 34 ตัวสำหรับกล้องฟูลเฟรม และกว่า 54 ตัว สำหรับ E-Mount ทั้งหมด โดยมีทั้งเลนส์ระยะตั้งแต่ 12-1200 mm. เรียกได้ว่าครบทุกช่วงการทำงานอย่างแท้จริงครับ
ชื้อตระกูล R เป็นคำตอบที่ใช่สำหรับเรารึเปล่า
อ่านจบแล้ว หลายคนน่าจะกำลังถามกับตัวเองว่า Sony A7RIV นั้นเป็นกล้องที่เหมาะกับตัวเองหรือไม่ หรือเราควรไปเล่นกล้อง Sony ฟูลเฟรมในซี่รี่ย์อื่นดี ทีมงานขอแยกตามนี้ครับ ถ้าฝั่งกีฬาสุด ทีมงานแนะนำไป Sony A9 จะได้ประสิทธิภาพการโฟกัสที่ดีกว่า แล้วถ้างบไม่พอ การใช้งานทั่วไป การลงไป Sony A7III ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า
ราคา และ แนะนำอุปกรณ์เสริม
ถ้าตัดสินใจได้แล้ว ว่าต้องการ Sony A7RIV แน่ๆ กล้อง Sony A7RIV มีราคาเปิดตัวมาอยู่ที่ 114,990 บาท ถือว่าไม่แพงกับประสิทธิภาพได้ที่ออกมา แต่เทียบกับ Sony A7RIII ตอนเปิตตัวอีกด้วย
ส่วนอุปกรณ์เสริมนั้นที่แนะนำเลยก็คือรีโมท RMT-P1BT เป็นรีโมทบลูทูธ ไว้ควบคุมตัวกล้องได้ ราคาอยู่ที่ 2,490 และ กริ๊ปแนวตั้ง VG-C4EM เพราะว่ารุ่นนี้มีขนาดกริ๊ปที่ใหญ่ขึ้น ไม่สามารถใช้ร่วมกับ Sony A7RIII ได้ ราคาอยู่ที่ 12,990 บาท
สำหรับสายวิดีโอที่แนะนำเลยก็คือไมค์โครโฟนหัวกล้องรุ่น ECM B1M เป็นไมค์โครโฟน shotgun ที่มีการรีเสียงแบบดิจิตอล และบันทึกลงกล้องเป็นดิจิตอล ทำให้คุณภาพเสียงที่ได้รับการบันทึกดีขึ้น แถม Noise ในเสียงลดลง