ทาง Sony Store Thailand ได้จัดกิจกรรม Sony Alpha 1 Exclusive 1-1 Product Touch and Try สำหรับลูกค้า Sony Store เท่านั้น เนื่องจากทีมงานเป็นหนึ่งในลูกค้า Sony Store ก็เลยรับเกียรติในการเข้าไปทดลองผลิตภัณฑ์ล่าสุด Sony Alpha 1 กล้องที่ Sony ตั้งใจที่จะทำเป็นตัวจบ ในพรีวิวนี้ทีมงานจะเน้นประสบการณ์การใช้งานเป็นหลัก
สเปค Sony A1
- เซนเซอร์ฟูลเฟรม Exmor RS CMOS sensor 50 MP คร็อป
- APS-C เหลือ 21 MP
- BIONZ XR 2 ตัว
- ISO 50-32000 ขยายได้ถึง 102400
- ไฟล์ภาพนิ่ง JPEG และ HEIF
- ถ่ายวิดีโอ ได้ 8K 30 FPS รองรับโฟกัสเต็มระบบ
- AF/AE 120 FPS
- ถ่ายวิดีโอ 4K 120 FPS
- รองรับ S-CineTone
- ถ่ายภาพต่อเนื่อง 30 FPS
- EVF 9.44 M 240 FPS
- โฟกัส 759 จุดแบบ Phese Detection
- ที่ใส่การ์ดเป็น CF Express Type-A และ SD Card UHS-II 2 ช่อง
- น้ำหนัก 737 กรัม
บอดี้ Sony A1
เจ้าตัว Sony A1 เป็นบอดี้แบบแมกนีเซียมอัลลอยทั้งตัว ที่เท่าที่ลองสัมผัสนั้นต้องบอกว่า แข็งแรงและทนทานมากๆ ทางโซนี่เครมว่าสามารถกันละอองน้ำ ละอองฝุ่นได้ดีกว่าตัวอื่นๆ
การจับถือแม้ว่า Sony A1 จะดูดีไซน์เหมือน Sony A7RIV และ Sony A9II มากๆ แต่ Sony A1 นั้นกลับจับได้ถนัดกว่าชัดเจน ด้วยการออกแบบกริ๊ปใหม่
จอด้านหลังเป็นแบบพับได้ขึ้นลง แต่ไม่สามาถ Flip ได้ ส่วนตัวต้องบอกว่าชอบมากๆ เพราะว่าการทำงานในด้านกีฬาจะค่อนข้างเร็ว ที่สำคัญเป็นจอสัมผัสแบบเต็มรูปแบบ ปุ่ม Layout ต่างๆ แทบจะเหมือน Sony A7R4 เว้นแต่ปุ่มอัดบันทึกที่จะเปลี่ยนเป็นสีแดง
Dials ด้านบนซ้าย ก็สามารถปรับ Drive Mode หรือพวกการถ่ายภาพต่อเนื่องได้อย่างรวดเร็ว และมีสวิซปรับโหมดการโฟกัสต่างๆ ที่สำคัญมีโลโก้ A1 สีทอง เป็นสง่า
พอร์ตต่างๆ ให้มาครบที่สุดตั้งแต่เคยมีมาในกล้อง Sony Alpha ทั้งพอร์ตแลน, Sync Flash ที่มีใน Sony A9 Series, พอร์ต Full HDMI และพอร์ตมาตรฐานที่ตระกูลฟูลเฟรมให้ก็ไม่ได้ตัดอะไรไปทั้ง ช่องเสียบไมค์โครโฟน, หูฟัง, Type-C และ Multi Portการใส่การ์ดนั้นก็จะเหมือนเหมือนกับ Sony A7SIII นั้นก็คือ CF Express Type-A และ SD Card UHS-II ในช่องเดียวกัน
แบตเตอรี่ยังคงใช้ NP FZ100 ราคา 2,990 บาท เป็นมาตรฐาน
ทดสอบการใช้งาน Sony A1
Sony A1 ใช้เซนเซอร์แบบ Stacked CMOS ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล และระบบประมวลผล Exmor RS CMOS ที่ต้องบอกว่าพัฒนามาจาก A9II พอสมควร เพราะด้วยความละเอียดที่มากขึ้น แถมยังถ่ายภาพต่อเนื่องจาก 20 FPS เป็น 30 FPS และ Sony เครมว่าลด Rolling Shutter ได้ถึง 1.5 เท่าอีกด้วย
ที่ชอบมากๆคือระบบ Real-Time AF จากระบบโฟกัสแบบ Phese Detection 759 จุดครอบคุม 92% ของเซนเซอร์ แต่ที่โหดกว่านั้นก็คือ ปกติถ้าเราใช้ APS-C Mode ตัวจำนวนจุดจะลดลงไป แต่ตัว Sony A1 นี้จำนวนจุดจะเท่าเดิม แล้วแต่ละจุดจะเล็กลง ทำให้โฟกัสได้ละเอียดขึ้น
ด้าน Noise Performance ต้องบอกกันตามตรงว่าเท่าที่ลอง Noise ใกล้เคียงกับ Sony A7III ที่ใช้อยู่ปัจจุบันในด้านของรายละเอียด แต่ทำการเกลี่ยผิวได้เนียนกว่า
Picture Profile ใน Sony Alpha 1 นั้นจะไม่มีแล้ว จะเปลี่ยนเป็น Creative Profile แทนเหมือน Sony A7sIII ซึ่งหลายคนอาจจะไม่คุ้นชินเท่าไหร่นัก โดยจะมีให้เลือกดังนี้
- ST( Standard)
- PT (Portrait)
- NT (Natural)
- VV (VIVID)
- VV2 (VIVID2)
- FL
- IN
- SH
- BW (Black-White)
- SE (Spica)
ด้าน Performace วิดีโอนั้นต้องบอกเลยว่าเป็นกล้อง Sony Alpha รุ่นแรกที่สามารถถ่ายวิดีโอระดับ 8K ได้ นับว่าโหดมาก และได้รายละเอียดที่ดี ส่วน 4K ก็สามารถถ่ายได้ 120 FPS แบบ ALL-I กันแบบชิวๆ เลยทีเดียว เรียกได้ว่าโหดกว่า A7SIII ในบ้างส่วน
แต่…. การถ่ายวิดีโอที่บิตเรตสูงๆนั้น สิ่งที่คุณจะตามมาเวลาคุณใช้ SD Card ไม่ว่าจะเร็วแค่ไหน (ผมใช้ Sony Tough) ก็ยังพบว่าความเร็วของการ์ดนั้นยังไม่พอ การถ่าย 8K ในบางครั้งก็จะมีอาการประตุกได้ง่ายมากๆ จากการเขียนข้อมูลไม่ทัน
อีกเรื่องนึงที่น่าสนใจก็คือ Profile สี S-CineTone ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ใน Sony Alpha (ทั้งนี้ A7SIII เมื่ออัพเฟิร์มแวร์ก็มีให้ใช้แล้ว) ซึ่งเป็น Profile สีจากจะมีการอ่อนกว่าสีปกติ ทำให้สามารถไปทำสีได้ง่ายต่อ ส่วน HLG และ S-Log ยังมีไว้เช่นเคย
อีกเรื่องนึงที่น่าสนใจคือไฟล์ HFIF หากใครไม่คุ้นนั้นมันก็คือฟอร์แมตที่ใช้บนเครื่อง iPhone ในปัจจุบัน ข้อดีของไฟล์นี้ก็คือจะมีขนาดเล็กลงกว่าไฟล์ JPEG ธรรมดา ราว 30-70% แล้วแต่ภาพ แถมยังมี Chroma Sampling (การเก็บข้อมูลสี) ให้เลือกทั้ง 4:2:0 และ 4:2:2
ตัวอย่างขนาดไฟล์ HEIF เทียบกับขนาดของไฟล์ JPEG จะเล็กลงกว่าพอสมควร
สิ่งแรกเมื่อเราเข้าไปปรับกล้องเลยที่แตกต่างก็คือเมนูใหม่ เมนูตัวใหม่นี้เป็นแบบสัมผัสทั้งระบบ สามารถสัมผัสที่เมนูได้แล้ว ใครที่ใช้เมนูใหม่เหมือนผม ก็จะต้องปรับตัวพอสมควรในการใช้งาน เพราะมีการปรับตำแหน่งเมนูหลายๆตัวพอสมควร ทีมงานแนะนำว่าใครที่ได้กล้องมาแล้ว ให้ไปใส่สิ่งที่เราต้องเข้าบ่อยๆ ใน Favourite ครับ
รูปภาพตัวอย่างจาก Sony A1
Sony A1 + FE 35 mm f/1.4 GM สี ST
Sony A1 + FE 35 mm f/1.4 GM สี FL
Sony A1 + FE 35 mm f/1.4 GM สี FL
Sony A1 + FE 135 mm f/1.8 GM สี FL Sony A1 + FE 135 mm f/1.8 GM สี FL Sony A1 + FE 135 mm f/1.8 GM สี ST Sony A1 + FE 135 mm f/1.8 GM สี ST
สรุป Sony A1 ดีไม่ดี ชื้อไม่ชื้อ เหมาะกับเรามั้ย
ข้อดีของ Sony A1 คงไม่ต้องสาธยายให้เยอะ เพราะจัดเต็มให้มาทั้งภาพนิ่ง และวิดีโอ ดึงทุกอย่างและพัฒนาขึ้นมาจาก Sony A9, A7RIV, A7SIII ให้เป็นกล้องที่กลมกล่อม จากการใช้งานสั้นๆ ผมก็ยังไม่พบข้อเสียใดๆ แค่คุณต้องรวยพอ ที่จะชื้อ CF-Express Type-A ด้วยเผื่อจะได้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
ถ้าคุณมีงบไม่จำกัด แล้วคุณเป็นสาวก Sony อยู่การหาเหตุผลในการชื้อ Sony A1 คงไม่มีต้องมีเท่าไหร่ ผมคงบอกว่าชื้อได้เลย ไม่ต้องรอคอย เพราะผมกล้าคอมเฟิร์มว่า Sony A1 เป็นกล้อง Sony Alpha ที่ดีที่สุด
แต่ถ้าคุณเป็นสายจ๋าๆ เช่นสายวิดีโอ Sony A7SIII ก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะได้คุณภาพ Noise รวมไปถึง คุณภาพบิตเรทที่ดีกว่า ถ้าคุณสาย Landscape Sony A7RIV ประโยชน์ของ 61 ล้านพิกเซล ก็อาจจะได้ความละเอียดดีกว่า คุ้มค่าเงินกว่า และถ้าคุณเป็นสายกีฬา Sony A9 ราคาในตอนนี้ ประสิทธิภาพต่อราคาก็ยังคุ้มค่ากว่า สุดท้ายแล้วถ้าคุณไม่ได้เป็นสักสาย อยากหากล้องตรงกลาง Sony A1 เนี่ยแหละครับ คือคำตอบของคำถาม
ราคาของ Sony A1 แน่นอนครับว่าไม่ได้ถูก เพราะราคาของมันอยู่ที่ 199,990 บาท หรือ 2 แสนมีทอน